กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

ด้วยโรงเรียนบ้านหว้าหลัง ได้เล็งเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายของนักเรียน ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และประชาชนบ้านหว้าหลัง เนื่องจากสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสภาพแวดล้อม ทำให้หลายคนมองข้ามการออกกำลังกาย หลายคนอ้างไม่มีเวลา บางคนเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงอิริยาบถในชีวิตประจำวันเป็นการออกกำลังกาย จึงเป็นเหตุให้สุขภาพอ่อนแอลง และอาจประสบกับปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง ความเครียด ฯลฯ หลายหน่วยงานได้หันมาให้ความสนใจโดยรณรงค์ให้มีการออกกำลังกายขึ้น     ทำให้ระบบสุขภาพของคนไทยต้องเน้นการ "สร้าง" มากกว่าการ "ซ่อม" สุขภาพ ซึ่งเป็นการเน้นระบบสุขภาพเชิงรุกและการสร้างเสริมสุขภาพ เนื่องจากประชาชนป่วยด้วยโรคที่สามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและค่าค่าใช้จ่ายในการเยียวยารักษา จึงได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนได้มาใส่ใจในการออกกำลังกายเพื่อป้องกันดรคภัยไข้เจ็บตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบาย 5 อ. เป็นหลักในการเสริมสร้างสุขภาพแก่ประชาชน ประกอบด้วย การออกกำลังกาย อาหารปลอดภัย อารมณ์และสุขภาพจิต อนามัยชุมชนและอโรคยา ซึ่งเร่ิมจากการจัดกิจกรรมออกกำลังกายเป็นเรื่องแรก และบูรณาการกับกิจกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นในการสร้างสุขภาพของบุคคล ครอบครัวและชุมชน ให้ภาครัฐสนับสนุนองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างและพัฒนาความเข้มแข็งของประชาชนที่จะร่วมใจแก้ปัญหาสุขภาพของตนเองและครอบครัว     ดังนั้น โรงเรียนบ้านหว้าหลัง ได้จำทำโครงการส่งเสริมสุขภาพด้วยกิจกรรมเต้นแอโรบิค ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชนบ้านหว้าหลัง ที่ชอบเสียงเพลง และความสนุกสนาน เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แล้วยังช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง ผ่อนคลายความตึงเครียด เสริมสร้างความสามัคคี และที่สำคัญการออกกำลังกายยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวด้วย จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพด้วยกิจกรรมเต้นแอโรบิคขึ้น