1. จัดประชุมคณะกรรมการ คณะทำงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการดำเนินงานโครงการฯ
2. เสนอโครงการเพื่ออนุมัติ
3. ดำเนินการตามโครงการ
3.1 เปิดรับลงทะเบียนผู้ประกอบการที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ
3.2 จัดอบรมผู้ประกอบการที่ลงทะเบียน เพื่อให้มีความรู้ความเข้าและมีแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคฯ รวมถึงการส่งเสริมรักษาสิ่งแวดล้อม
3.3 จัดกิจกรรมตลาดนัดรอมฎอน (ระยะเวลา 30 วัน) ดังนี้
- ตลาดรอมฏอนปลอดภัยห่างไกลโค-วิด ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ขายต้องผ่านการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม มีการตรวจ ATK ก่อนการเปิดตลาดและมีผลลบไม่ต่ำกว่า 72 ชม. และตรวจซ้ำทุก 14 วัน มีมาตรการเว้นระยะห่าง จำกัดจำนวนผู้มาซื้อ มีการสุ่มตรวจการได้รับวัคซีนของผู้ที่มาซื้อ มีการจัดระเบียบทางเข้า-ทางออก มีการตรวจวัดอุณหภูมิและล้างมือก่อนเข้า และมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตามมาตรการ DMHHTT
- ตลาดรอมฎอนปลอดโฟม เพื่อร่วมรักษาสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผู้จำหน่ายสินค้าในตลาดรอมฎอนทุกร้านต้องไม่ใช้โฟมในการบรรจุอาหาร
- กิจกรรมรณรงค์การลดขยะในตลาดนัด โดยการลดการใช้ถุงพลาสติกและใช้ถุงผ้าช่วยลดโลกร้อน
- กิจกรรมมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมโครงการตลาดรอมฎอนปลอดภัย น่าซื้อ ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงในการจำหน่ายสินค้าตลอดเดือนรอมฎอน
4. สรุปผลการดำเนินงาน
ผลลัพท์: 1. ผู้ประกอบการจำหน่ายอาหารในเดือนรอมฎอนมีความรู้ ความเข้าใจด้านสุขาภิบาลอาหารที่ถูกต้อง
2. แผงลอยจำหน่ายอาหารได้รับการจัดระเบียบและพัฒนาให้ผ่านเกณฑ์การประเมินตามข้อกำหนดด้านสุขาภิบาลอาหาร
3. ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครอง ได้รับการส่งเสริมรักษาสุขภาพ การป้องกันโรค และเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดใช้โฟมและพลาสติกโดยไม่จำเป็น ช่วยลดปัญหาโลกร้อน
กิจกรรมที่ 2. การจัดบริการกักตัวบุคคลที่มีภาวะเสี่ยงในศูนย์สถานที่กักกัน (Local Quarantine) ดำเนินการคัดครอง สังเกตอาการเพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
จำนวน 3 รอบละไม่เกิน 8 คน
- ค่าอาหารและน้ำดื่มสำหรับผู้ที่ได้รับการสังเกตอาการ จำนวน 24 คนๆ ละ 3 มื้อ ชุดละ 50 บาท
จำนวน 14 วัน เป็นเงิน 50,400 .- บาท
- อาหารและเครื่องดื่มสำหรับเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล วันละจำนวน 3 ผลัดๆ ละ 5 คน ผลัดละจำนวน 1 มื้อๆ ละ 50 บาท จำนวน 42 วัน เป็นเงิน 31,500.- บาท

รวมเป็นเงิน 81,900.- บาท
ผลลัพท์: 1. บุคคลที่มีภาวะเสี่ยงได้รับบริการกักตัวในศูนย์สถานที่กักกัน (Local Quarantine) ในระดับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
2. บุคคลที่มีภาวะเสี่ยงที่เดินทางจากนอกพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับการสังเกตอาการ ตลอดจนคัดกรอง เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
กิจกรรมที่ 1. การจัดตั้งศูนย์สถานที่กักกัน (Local Quarantine) และจัดหาเวชภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์ ที่จำเป็นต่อการจัดบริการกักตัวบุคคลที่มีภาวะเสี่ยงในศูนย์สถานที่กักกัน (Local Quarantine)
- ป้ายไวนิล “ศูนย์สถานที่กักกัน (Local Quarantine)” ขนาด 1.2 X 2.5 เมตร จำนวน 1 ผืนๆ ละ 750.- บาท เป็นเงิน 750.- บาท
- ป้ายไวนิล “ศูนย์อำนวยการสถานที่กักกัน (Local Quarantine)” ขนาด 1 X 1.8 เมตร จำนวน ผืนๆ ละ 450.- บาท เป็นเงิน 450.- บาท
- หน้ากากอนามัย N95 จำนวน 50 ชิ้นๆ ละ 29.- บาท เป็นเงิน 1,450.- บาท
- เบาะที่นอนแบบพับ 3 ขนาด 3.5 ฟุต จำนวน 6 อันๆ ละ 1,880 .- บาท เป็นเงิน 11,280.- บาท
- สบู่เหลวล้างมือ 3,800 มล. จำนวน 4 แกลอนๆ ละ 245.- บาท เป็นเงิน 980.- บาท
- ขันน้ำพลาสติก จำนวน 8 อันๆ ละ 15.- บาท เป็นเงิน 120.- บาท
- ไม้แขวนเสื้อ จำนวน 8 โหลๆ ละ 35.- บาท เป็นเงิน 280.- บาท
- สบู่ก้อน จำนวน 24 ก้อนๆ ละ 10.- บาท เป็นเงิน 240.- บาท
- ยาสระผม จำนวน 24 ขวดๆ ละ 25 .- บาท เป็นเงิน 600.- บาท
- แปรงสีฟัน จำนวน 24 หลอดๆ ละ 15.- บาท เป็นเงิน 360.- บาท
- ยาสีฟัน จำนวน 24 ชุดๆ ละ 20.- บาท เป็นเงิน 480.- บาท
- ไฮเตอร์ ขนาด 250 มล. จำนวน 24 ขวดๆ ละ 18 .- เป็นเงิน 432.- บาท
- รองเท้าแตะ จำนวน 8 คู่ๆ ละ 65.- บาท ป็นเงิน 520.- บาท

รวมเป็นเงิน 17,942.- บาท
ผลลัพท์: 1. บุคคลที่มีภาวะเสี่ยงได้รับบริการกักตัวในศูนย์สถานที่กักกัน (Local Quarantine) ในระดับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
2. บุคคลที่มีภาวะเสี่ยงที่เดินทางจากนอกพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับการสังเกตอาการ ตลอดจนคัดกรอง เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
1 จัดประชุมคณะกรรมการ คณะทำงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการดำเนินงานโครงการฯ
2 เสนอโครงการเพื่ออนุมัติในการดำเนินการตามโครงการฯ
3 ประชาสัมพันธ์โครงการฯ และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
4 ดำเนินการจัดทำโครงการฯ และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังการขลิบเพื่อป้องกัน
การติดเชื้อ
5 ประเมินผลและสรุปผลการดำเนินการ
ผลลัพท์: 1 สามารถลดภาวะเสี่ยงการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
2 สามารถรณรงค์และสร้างความตระหนัก ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคโดยเฉพาะโรคติดเชื้อ
3 เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงบริการด้านส่งเสริมและป้องกันโรค
4 ได้รับผลประโยชน์ทางด้านสุขภาพอนามัย ง่ายต่อการทำความสะอาดอวัยวะเพศเป็นการรักษา
ความสะอาดและป้องกันโรคติดต่อ
5 สามารถป้องกันการเกิดปัญหาหนังหุ้มปลาย เช่น รูดได้ไม่สุด รูดแล้วติด
1. เสนอโครงการเพื่ออนุมัติโครงการ
2. ประสานกลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมโครงการ
3. จัดฝึกอบรมให้ความรู้ในการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร โดยวิธีการต่างๆ เช่น การทำปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุอินทรีย์ การทำน้ำหมักชีวภาพ
4. ประเมินผลโครงการ
5. สรุปรายงานผลเสนอผู้บังคับบัญชา
ผลลัพท์: - ค่าสมนาคุณวิทยากร จำนวน 1 คน จำนวน 6 ชั่วโมงๆละ 600 บาท เป็นเงิน 3,600 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม จำนวน 90 คน จำนวน 2 มื้อๆละ 25 บาท เป็นเงิน 4,500 บาท
- ค่าอาหารกลางวัน จำนวน 90 คน จำนวน 1 มื้อๆละ 50 บาท เป็นเงิน 4,500 บาท
- ค่าป้ายโครงการขนาด 1.5 เมตร x 3.0 เมตร จำนวน 1 ผืน เป็นเงิน 1,125 บาท
- ค่าถังพลาสติกขนาด 20 ลิตร จำนวน 80 ถังๆละ 100 บาท เป็นเงิน 8,000 บาท
- ค่าถุงผ้ารักษ์โลก จำนวน 80 ชุดๆ ละ 20 บาท เป็นเงิน 1,600 บาท
- ค่าสมุด จำนวน 80 เล่มๆ ละ 5 บาท เป็นเงิน 400 บาท
- ค่าปากกา จำนวน 80 แท่งๆ ละ 5 บาท เป็นเงิน 400 บาท
- ค่าหัวเชื้อ EM ขนาด 5 ลิตร จำนวน 1 แกนลอน เป็นเงิน 500 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 24,625.-บาท (-สองหมื่นสี่พันหกร้อยยี่สิบห้าบาทถ้วน-)
กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี โดยใช้เม็ดสีย้อมฟัน ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
2.1 ให้ผู้ป่วยเบาหวานอมเม็ดสีย้อมฟัน เพื่อดูประสิทธิภาพการแปรงฟัน
2.2 ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน เรื่อง การแปรงฟันที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันโรคฟันผุ และการใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันโรคเหงือกอักเสบและโรค ปริทันต์อักเสบ
2.3 สาธิตและฝึกปฏิบัติการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันจริง ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน
ผลลัพท์: 1. อัตราการเกิดโรคฟันผุของผู้ป่วยเบาหวานลดลง
2. ผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้เรื่อง การดูแลสุขภาพช่องปากและสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ประชาชนในชุมชนได้
3. ผู้ป่วยเบาหวานสามารถตรวจฟันด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง และได้รับบริการทางทันตกรรมอย่างทั่วถึง
4. เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีภายในชุมชน
กิจกรรมที่ 1 การส่งเสริมและป้องกันโรคในช่องปากกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
1.1 ประเมินความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคในช่องปากของผู้ป่วยเบาหวาน ก่อนทำกิจกรรม โดยการทำแบบทดสอบก่อนการให้ความรู้เรื่อง การป้องกันโรคในช่องปากของกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน
1.2 ให้ความรู้เรื่อง ปัญหาสุขภาพช่องปากในปัจจุบันของกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน การเลือกอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ทำให้เกิดโรคฟันผุ สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ ระยะของการเกิดโรคฟันผุ ภาวะปากแห้ง น้ำลายไหลน้อย โรคเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบในผู้ป่วยเบาหวาน ฟันโยกและรากฟันผุ การตรวจฟันด้วยตนเองและการดูแลสุขภาพช่องปาก
1.3 เปิดวีดีโอเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก
1.4 พัฒนาทักษะการตรวจฟันดังนี้
1.4.1 ให้ความรู้เรื่องของการตรวจฟัน พร้อมทั้งสาธิตการตรวจฟัน
1.4.2ให้ความรู้เรื่อง การบริหารใบหน้าและลิ้น เพื่อเพิ่มน้ำลายใน ช่องปากและเพื่อป้องกันฟันผุ
1.4.3 สาธิตและฝึกปฏิบัติการบริหารใบหน้าและลิ้นที่ถูกต้อง
1.5 ประเมินความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคในช่องปากของผู้ป่วยเบาหวาน หลังทำกิจกรรม โดยการทำแบบทดสอบหลังการให้ความรู้เรื่อง การป้องกันโรคในช่องปากของกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน
ผลลัพท์: 1. อัตราการเกิดโรคฟันผุของผู้ป่วยเบาหวานลดลง
2. ผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้เรื่อง การดูแลสุขภาพช่องปากและสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ประชาชนในชุมชนได้
3. ผู้ป่วยเบาหวานสามารถตรวจฟันด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง และได้รับบริการทางทันตกรรมอย่างทั่วถึง
4. เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีภายในชุมชน
กิจกรรมที่ 2 จัดหาวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ที่จำเป็นต่อการส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพของผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง และผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง (ประเมินกิจวัตรประจำวัน ADL น้อยกว่า 5 คะแนน)
2.1 ติดตามเยี่ยมผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียงและผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง ประเมินสุขภาพโดยอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น และเครือข่ายสุขภาพในชุมชน ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และเทศบาลตำบลปาเสมัส สนับสนุนวัสดุและให้ยืมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นแก่กลุ่มเป้าหมาย
2.2 บันทึกผลเยี่ยมบ้านและผลการส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพโดยใช้แบบประเมิน ADL
4. ประเมินผลและสรุปผลการดำเนินการ
ผลลัพท์: กิจกรรมที่ 2 จัดหาวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ที่จำเป็นต่อการส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพของผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียงและผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง (คะแนน ADL น้อยกว่า 5 คะแนน) จำนวน 8 คน
- เตียงนอนสำหรับผู้ป่วย จำนวน 2 ตัวๆ ละ 15,000.- บาท เป็นเงิน 30,000.- บาท
- ที่นอนลมไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่องๆ ละ 6,000 เป็นเงิน 24,000.- บาท
- เครื่องวัดความดันโลหิต จำนวน 1 เครื่องๆ ละ 1,600.- บาท เป็นเงิน 3,200.- บาท
- ผ้ายางกันเปื้อน จำนวน 16 ผืนๆ ละ 180.- บาท เป็นเงิน 2,880.- บาท
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป จำนวน 8 แพ็คๆ ละ 790.- บาท เป็นเงิน 6,320.- บาท
- กระดาษชำระอเนกประสงค์จำนวน 8 แพ็คๆ ละ 350.- บาท เป็นเงิน 2,800.- บาท
- กระดาษชำระเปียกแอลกอฮอล จำนวน 8 แพ็คๆ 240.- บาท เป็นเงิน 1,920.- บาท
- วาสลีนปิโตรเลียมเจลลี่ ขนาด 50 กรัม จำนวน 8 กระปุกๆละ 250.- บาท
เป็นเงิน 2,000.-
- กระบอกปัสสาวะผู้ชาย จำนวน 4 อันๆ ละ 169.- บาท เป็นเงิน 676.- บาท
- ถุงมือทางการแพทย์ จำนวน 1 กล่องๆ ละ 250.- บาท เป็นเงิน 250.- บาท
รวมเป็นเงิน 74,046.-
1.ขั้นเตรียมการ
1.1 ประสานงานผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดทำโครงการ
1.2 ศึกษาสำรวจข้อมูลพื้นฐานของนักเรียนและเยาวชน
1.3 ประชุมคณะทำงานเพื่อจัดทำโครงการและเสนออนุมัติ
1.4 แต่งตั้งคณะกรรมการทำงาน
1.5 ประชุมคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนการจัดกิจกรรม เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการที่กำหนด
1.6 ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมโครงการ
1.7 ประเมินความพร้อมจากการเชิญชวน เตรียมความพร้อมของบุคลากร วิทยากร วัสดุอุปกรณ์และเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการอบรมให้ความรู้
2.ขั้นดำเนินการ
2.1 จัดอบรมตามแผนงานโดยแบ่งเป็น 3 รุ่นๆ ละ 50 คน จำนวน 3 รุ่น กลุ่มเป้าหมาย
รวมทั้งสิ้นจำนวน 150 คน
2.2 การจัดอบรมแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงเช้า – อบรมให้ความรู้เรื่อง “ทำไมต้องมีกฎหมายจราจร”
– อบรมให้ความรู้เรื่อง “กฎจราจรกับการขับขี่ปลอดภัย”
– อบรมให้ความรู้เรื่อง “กฎจราจรเกี่ยวข้องกับเด็กปอเนาะอย่างไร”
ช่วงบ่าย – กิจกรรมภาคปฏิบัติให้นักเรียนและเยาวชนได้เห็นเครื่องหมายจราจรต่าง ๆ ใน
สถานที่จริง และสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ
2.3 ประชุมคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลังการจัดกิจกรรม เพื่อสรุปและประเมินผลการดำเนินโครงการ
ผลลัพท์: งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาบตำบปาเสมัส ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวนเงินทั้งสิ้น 44,600 บาท (-สี่หมื่นสี่พันหกร้อยบาทถ้วน-)
1 ค่าตอบแทนวิทยากรบรรยาย จำนวน 1 คน จำนวน 3 ชั่วโมงๆ ละ 400 บาท จำนวน 3 รุ่น
เป็นเงิน 3,600.- บาท
2 ค่าตอบแทนวิทยากรภาคปฏิบัติ จำนวน 5 คน จำนวน 3 ชั่วโมงๆ ละ 400 บาท จำนวน 3 รุ่น
เป็นเงิน 18,000.- บาท
3 ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับผู้เข้าร่วมการอบรมและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 55.- คน
จำนวน 2 มื้อๆ ละ 25 บาท จำนวน 3 รุ่น เป็นเงิน 8,250.- บาท
4 ค่าอาหารกลางวันสำหรับผู้เข้าร่วมการอบรมและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 55.- คน จำนวน 1 มื้อๆ
ละ 50.- บาท จำนวน 3 รุ่น เป็นเงิน 8,250.- บาท
5 ค่าจัดทำป้ายโครงการฯ ขนาด 2.5 × 2 เมตร จำนวน 1 แผ่น เป็นเงิน 1,250.- บาท
6 ค่าอุปกรณ์ในการจัดอบรม
- ปากกา จำนวน 150 ด้ามๆ ละ 5 บาท เป็นเงิน 750.- บาท
- สมุด จำนวน 150 เล่มๆ ละ 10 บาท เป็นเงิน 1,500.- บาท
- กระเป๋าผ้าลดโรคร้อน จำนวน 150 ใบๆ ละ 20.- บาท เป็นเงิน 3,000.- บาท
รวมเป็นเงิน 44,600.- บาท (-สี่หมื่นสี่พันหกร้อยบาทถ้วน-)
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ เพื่อเข้าร่วมประชุมทบทวนการใช้โปรแกรมกองทุนสุขภาพตำบล เขต 12 สงขลา ในรุ่นที่ 1 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564
ผลลัพท์: ผู้รับผิดชอบงานกองทุนฯ ที่ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ใหม่หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องการฟื้นฟูการใช้โปรแกรม มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานระบบโปรแกรม การใช้ข้อมูลในโปรแกรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของกองทุนฯให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น