กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

1. เขียนโครงการนำเสนอขออนุมัติ
2. ติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. ประชาสัมพันธ์โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนและชุมชน
4. ดำเนินการกิจกรรมตามโครงการฯ
- จัดกิจกรรมขยะอันตรายแลกไข่ ต้านภัยโรคร้าย
5. ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
6. วิเคราะห์และสรุปผลการดำเนินโครงการฯ

ผลลัพท์: 1. ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะมูลฝอยที่ถูกต้อง
2. ชุมชนมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ด้วยตนเอง
3. ประชาชนและชุมชนมีรายได้จากการจัดการขยะ
4. ประชาชนได้นำปุ๋ยจากการทำถังขยะเปียกไปใช้ประโยชน์
5. สิ่งแวดล้อมดี ชุมชนน่าอยู่ ประชาชนปลอดโรค

1. เขียนโครงการนำเสนอขออนุมัติ
2. ติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. ประชาสัมพันธ์โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนและชุมชน
4. ดำเนินการกิจกรรมตามโครงการฯ
- จัดกิจกรรมถังขยะเปียก ลดโรค ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
5. ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
6. วิเคราะห์และสรุปผลการดำเนินโครงการฯ

ผลลัพท์: 1. ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะมูลฝอยที่ถูกต้อง
2. ชุมชนมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ด้วยตนเอง
3. ประชาชนและชุมชนมีรายได้จากการจัดการขยะ
4. ประชาชนได้นำปุ๋ยจากการทำถังขยะเปียกไปใช้ประโยชน์
5. สิ่งแวดล้อมดี ชุมชนน่าอยู่ ประชาชนปลอดโรค

1. เขียนโครงการนำเสนอขออนุมัติ
2. ติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. ประชาสัมพันธ์โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนและชุมชน
4. ดำเนินการกิจกรรมตามโครงการฯ
- การอบรมให้ความรู้ในการคัดแยกขยะด้วยหลักการ 3Rs จำนวน 8 หมู่บ้านๆละ 125 คน รวม 1,000 คน
- จัดกิจกรรมขยะอันตรายแลกไข่ ต้านภัยโรคร้าย
- จัดกิจกรรมถังขยะเปียก ลดโรค ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
5. ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
6. วิเคราะห์และสรุปผลการดำเนินโครงการฯ

ผลลัพท์: 1. ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะมูลฝอยที่ถูกต้อง
2. ชุมชนมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ด้วยตนเอง
3. ประชาชนและชุมชนมีรายได้จากการจัดการขยะ
4. ประชาชนได้นำปุ๋ยจากการทำถังขยะเปียกไปใช้ประโยชน์
5. สิ่งแวดล้อมดี ชุมชนน่าอยู่ ประชาชนปลอดโรค

๒.2 กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี โดยใช้เม็ดสีย้อมฟัน ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
2.2.1 ให้ผู้สูงอายุอมเม็ดสีย้อมฟัน เพื่อดูประสิทธิภาพการแปรงฟัน
๒.2.2 ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุ เรื่อง การแปรงฟันที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันโรคฟันผุ และการใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์อักเสบ
2.2.3 สาธิตและฝึกปฏิบัติการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันจริง ในกลุ่มผู้สูงอายุ
2.2.4 ติดตามเยี่ยนมบ้านผู้สูงอายุ 3 เดือน/ครั้ง และมีการทาฟลูออไรด์วานิชในกลุ่มเสี่ยง
2.2.5 ร่วมกันสร้างนวตกรรมแปรงสีฟันด้ามโต สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อ เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อจะฝ่อลง ความยืดหยุ่นของข้อ เอ็น และกล้ามเนื้อจะลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่อยากแปรงฟัน

ผลลัพท์: ๑. อัตราการเกิดโรคฟันผุของผู้สูงอายุลดลง
๒. ผู้สูงอายุมีความรู้เรื่อง การดูแลสุขภาพช่องปากและสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ประชาชน
ในชุมชนได้
3. ผู้สูงอายุสามารถตรวจฟันด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง และได้รับบริการทางทันตกรรมอย่างทั่วถึง
4. เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีภายในชุมชน

๑. ขั้นเตรียมการ
1.1 ประสานงานและจัดประชุมชี้แจงโครงการแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง
1.2 ศึกษาสำรวจข้อมูลพื้นฐานของปัญหาด้านทันตสุขภาพ
1.3 ระบุปัญหาทันตสุขภาพ
- วิเคราะห์ข้อมูล
- นำเสนอข้อมูลและระบุปัญหาร่วมกันเสนอความคิดเห็น
1.4 จัดลำดับความสำคัญของปัญหาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
1.5 เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ข้อมูล และเอกสารในการดำเนินกิจกรรม
1.6 แจ้งกลุ่มเป้าหมายให้ทราบถึงแนวทางในการดำเนินโครงการ
1.7 เตรียมสถานที่ในการจัดกิจกรรม

ผลลัพท์: ๑. อัตราการเกิดโรคฟันผุของผู้สูงอายุลดลง
๒. ผู้สูงอายุมีความรู้เรื่อง การดูแลสุขภาพช่องปากและสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ประชาชน
ในชุมชนได้
3. ผู้สูงอายุสามารถตรวจฟันด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง และได้รับบริการทางทันตกรรมอย่างทั่วถึง
4. เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีภายในชุมชน

3.1 ประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง ในเขตพื้นที่และเชิญชวนเข้าร่วมโครงการ และเขียนใบสมัคร
3.2 ประเมินร่างกายเบื้องต้น
3.3 จัดอบรมให้ความรู้
3.4 ติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังอบรม
3.4 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ

ผลลัพท์: 1. กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ เกิดความตระหนักและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้
2. สามารถลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงได้

3.1 ประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง ในเขตพื้นที่และเชิญชวนเข้าร่วมโครงการ และเขียนใบสมัคร
3.2 ประเมินร่างกายเบื้องต้น
3.3 จัดอบรมให้ความรู้
3.4 ติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังอบรม
3.4 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ

ผลลัพท์: 1. กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ เกิดความตระหนักและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้
2. สามารถลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงได้

3.1 ประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง ในเขตพื้นที่และเชิญชวนเข้าร่วมโครงการ และเขียนใบสมัคร
3.2 ประเมินร่างกายเบื้องต้น
3.3 จัดอบรมให้ความรู้
3.4 ติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังอบรม
3.4 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ

ผลลัพท์: 1. กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ เกิดความตระหนักและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้
2. สามารถลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงได้

๑. เขียนแผนงานโครงการ
๒. เขียนโครงการเพื่อพิจารณาอนุมัติ
3. คัดเลือก ผู้ปกครองจำนวน ๓5 คน เข้าร่วมการอบรมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจพัฒนาการ
4. ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็ก ในชุมชนและศพด. และ ผดด.
5. จัดกิจกรรมสุขศึกษาเชิงรุก เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆอย่างต่อเนื่อง
6. เจาะเลือดตรวจหาความเข้มข้นของฮีโมโกลบินของเลือดในเด็กอายุ 6-12 เดือน
7. สรุปผลการดำเนินงาน

ผลลัพท์: - เครื่องตรวจค่าความเข้มข้นของฮีโมโกลบินของเลือด HemoCue (รุ่นHB 801)
จำนวน 1 เครื่อง เป็นเงิน 35,000 บาท
- แผ่นตรวจตรวจค่าความเข้มข้นของฮีโมโกลบินของเลือด กระปุกละ 5,000บาท
จำนวน 3 กระปุก เป็นเงิน 15,000 บาท

๑. เขียนแผนงานโครงการ
๒. เขียนโครงการเพื่อพิจารณาอนุมัติ
3. คัดเลือก ผู้ปกครองจำนวน ๓5 คน เข้าร่วมการอบรมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจพัฒนาการ
4. ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็ก ในชุมชนและศพด. และ ผดด.
5. จัดกิจกรรมสุขศึกษาเชิงรุก เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆอย่างต่อเนื่อง
6. เจาะเลือดตรวจหาความเข้มข้นของฮีโมโกลบินของเลือดในเด็กอายุ 6-12 เดือน
7. สรุปผลการดำเนินงาน

ผลลัพท์: 1. ผู้ปกครองเด็กมีความรู้และสามารถส่งเสริมและประเมินพัฒนาการเด็กได้อย่างถูกต้อง
2. ผู้ปกครองที่มีเด็กพัฒนาการไม่สมวัยมีความรู้และเข้าใจในการส่งเสริมและประเมินพัฒนาการ
3. เด็กอายุ ๐ – ๕ ปี มีพัฒนาการสมวัย
4. อัตราเด็กอายุ ๐ – ๕ ปี พัฒนาการล่าช้าน้อยลง
5.เพื่อให้เด็กอายุ 0-6 เดือน ที่มีภาวะซีดเข้าสู่ระบบการรักษาที่รวดเร็ว