แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.สุคิริน
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.สุคิริน
โรงพยาบาลสุคิริน
หมู่9. ตำบลสุคิริน/หมู่7ตำบลสุคิริน/หมู่4ตำบลสุคิริน
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
จากข้อมูลอัตราการป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาล สุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ปี 2563 ประชากร 35 ปีได้รับการคัดกรองความดันโลหิตสูงทั้งอำเภอจำนวน 5,858 คนกลุ่มเสี่ยงป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง280 คนสงสัยป่วย 119คน และประชากร 35 ปีได้รับการคัดกรองความเบาหวานทั้งอำเภอจำนวน 7,529 คน กลุ่มเสี่ยงป่วยเป็นโรคเบาหวาน 1,291คน สงสัยป่วย 69 คน
การรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโดยการให้ความสำคัญเฉพาะด้านการแพทย์อาจไม่เพียงพอ เพื่อการควบคุมโรคที่สมบูรณ์ ผู้ป่วยต้องได้รับความรู้เรื่องโรครวมไปถึงความรู้เรื่องโภชนาการและการออกกำลังกายที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้รับการกระตุ้นการเปลี่ยนพฤติกรรมผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับวิถีชุมชนเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/02/2021
กำหนดเสร็จ 30/09/2021
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ประชาชนกลุ่มปกติไม่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
2. ประชาชนกลุ่มเสียงได้รับความรู้ ทัศนคติและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพไม่เปลี่ยนเป็นกลุ่มป่วย
3. ผู้ดูแลหรือญาติมีความรู้สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เพื่อกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยลดลงในชุมชน