แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
หน่วยงานสาธารณสุข อปท. (ศูนย์บริการสาธารณสุขสามชัย)
ศูนย์บริการสาธารณสุขสามชัย อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน และกลุ่มผู้สูงอายุชุมชนหน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย
ชุมชนหน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
การหกลัมในผู้สูงอายุแตกต่างจากการหกลัมในวัยหนุ่มสาวหรือวัยเด็ก สาเหตุของการหกล้มสำคัญที่แพทย์ควรประเมินเป็นลำดับแรกคือ สาเหตุจากปัจจัยทางสรีระวิทยาหรือความเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ นิยามของการหกล้ม หมายถึง "การที่ร่างกายเคลื่อนลงมากระทบสู่พื้นดินหรือที่1 ระดับต่ำกว่าระดับเดิมโดยไม่ได้เป็นการดั้งใจ" การหกลัมในผู้สูงอายุในความจริงแล้วเกิดน้อยกว่าในวัยเด็กหรือนักกีฬา แต่ด้วยการที่สรีรวิทยาที่ถดถอยร่วมกับภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุน ส่งผลกระทบต่อร่างกายได้อย่างชัดเจน ได้แก่ การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อและเส้นเอ็นร้อยละ 50 และการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นร้อยละ 10 เช่น กระดูกหัก เลือดออกในสมอง นอกจากนี้การหกล้มในผู้สูงอายุยังส่งผลกระทบต่อจิตใจ โดยเฉพาะการหกล้มเกิดขึ้นซ้ำ และไม่ได้รับการดูแลแก้ไข นำไปสู่สุขภาพจิตที่แย่ลงหรือภาวะซึมเศร้าได้ร้อยละ 20-30
อุบัติการณ์การหกล้มและการเดินการทรงตัวที่ผิดปกติเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั่วโลก และส่งผลต่อผู้สูงอายุทั้งด้านคุณภาพชีวิตและการเสียชีวิต รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้สูงอายุที่ค่อนข้างสูง สาเหตุของการหกล้มในผู้สูงอายุมีได้หลายสาเหตุ มีได้ทั้งทางร่างกาย ยาที่รับประทานและปัจจัย สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ซึ่งแพทย์ควรทำการประเมินผู้สูงอายุที่มีการหกล้มโดยเริ่มจาก การซักประวัติการหกล้มที่เกิดขึ้นโดยละเอียดเพื่อค้นหาสาเหตุที่เป็นได้ ร่วมไปกับการประเมินการเดินการทรงตัว สำหรับการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ พบว่ามีหลายกระบวนการที่ช่วยป้องกันได้ตามข้อมูลการศึกษาที่ผ่านมาโดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพทั้งการลดอัตราการหกลัมและลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม ดังนั้นเมื่อแพทย์ได้ประเมินผู้สูงอายุและพบความเสี่ยงต่อการหกล้ม หรือเคยมีประวัติการหกล้มมาก่อน ควรหาสาเหตุที่มาของการหกล้มและความเสี่ยงอย่างละเอียด และให้การดูแลรักษาที่เหมาะสมเพื่อสามารถป้องกันการหกลัมและชะลอภาวะทุพพลภาพต่อไปได้
โดยปัญหาสุขภาพชุมชนที่นำมาทำประชาคมอ้างอิงจากแบบสำรวจสุขภาพประชาชนไทยครั้งที่ ๖ เป็นการสำรวจผู้สูงอายุประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน เพื่อเป้าหมายตามหลักนโยบายผู้สูงอายุแห่งชาติ ให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศ เป็นที่ต้องการของครอบครัวและสังคม และมีความเข้าใจดีระหว่างคนต่างรุ่นในครอบครัว โดยมีประเด็นดังนี้ ๑.การหกล้มในผู้สูงอายุ นำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ โดยมีการหกล้มภายในหกเดือน ๑๕.๓% พบเกิดปัญหาในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉลี่ยล้มประมาณ ๓ ครั้ง ไม่แตกต่างกันมากนักระหว่างกลุ่มอายุ เป็นการหกล้มนอกบ้านมากกว่าในบ้าน และในบ้านเป็นบริเวณห้องนอนและห้องน้ำ สาเหตุที่ทำให้หกล้มคือ การสะดุดสิ่งวัตถุสิ่งของ ลื่นหกล้ม เสียการทรงตัว พื้นต่างระดับ แหละหน้ามืดขณะหกล้ม เป็นการบาดเจ็บแผลฟกช้ำ ถอก หรืออาจถึงข้อสะโพกหักได้ ๒.การพึ่งพิงในกิจวัตรประจำวัน ผู้สูงอายุประมาณ ๐.๗-๒๐.๒% มีข้อจำกัดในการทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน พบเกิดปัญหาในผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย เพิ่มขึ้นตามอายุ ๓.ความเสื่อมถอยของอวัยวะ เช่น ต้อกระจก การบดเคี้ยว และการได้ยิน และสุดท้ายคือโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุทางกายและทางใจ ทางกายเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคข้อเข่าเสื่อม ทางจิตใจเช่น ภาวะซึมเศร้าเป็นต้น โดยนำประเด็นปัญหาที่ได้จากแบบสำรวจและความเห็นของคนในชุมชนมาจัดทำประชาคมและจัดลำดับความสำคัญของปัญหา พิจารณาตามขนาดของปัญหาความรุนแรงของปัญหา ความยากง่ายและความตระหนักของคนในชุมชนต่อการแก้ปัญหา
จากการทำประชาคมปัญหาทางสุขภาพในเขตชุมชนหน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย มีผู้เข้าร่วมประชาคมเป็นผู้สูงอายุในชุมชนหน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เป็นจำนวน ๑๕ คน ทีมแพทย์/พยาบาลจากโรงพยาบาลใหญ่ รวมทั้งสิ้น ๒๕ คน โดยประเด็นปัญหาที่ได้จากการทำประชาคมคือปัญหาหกล้มในผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับการคัดกรองสุขภาพของผู้สูงอายุอำเภอหาดใหญ่ปี ๒๕๖๒ ปัญหาที่พบมากที่สุด ๔ อันดับคือ โรคติดต่อไม่เรื้อรัง ข้อเข่าเสื่อม ปัญหาสมองเสื่อม และการหกล้ม
เทศบาลนครหาดใหญ่ ได้กำหนดนโยบายด้านสาธารณสุขและคุณภาพชีวิตให้ประชาชนทุกคน ได้รับการดูแลโดยเสมอภาค ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจหน้าที่ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ตามความในพระราชบัญญัติเทศบาล โดยให้บริการประชาชนภายใต้การมีส่วนร่วมของประชาชน และทั้งนี้ปัญหาสุขภาพที่ได้มาเกิดจากการทำประชาคมและการจัดลำดับความสำคัญของปัญหาโดยชุมชนอย่างแท้จริง จึงได้จัดทำโครงการ “สถานีวัยเก๋า เคลื่อนไหวดี ไม่มีล้ม” เพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มของคนในชุมชน รู้สถานะความเสี่ยงของตนเอง ฝึกการทรงตัว การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัยต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อลดโอกาสล้ม โดยจะมีการติดตามโครงการดังกล่าวทุกๆ ๓ เดือน เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และเป็นต้นแบบโครงการชุมชนอันมาจากการมีส่วนร่วมของชุมชนที่แท้จริง
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชุมชนได้รับการคัดกรองความเสี่ยงต่อการล้ม
๒. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อการล้มจากการมีภาวะเสี่ยงกระดูกพรุน(OSTA) ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม
๓. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชุมชนมีความรอบรู้ทางสุขภาพ เพื่อป้องกันการหกล้มและส่งเสริมสุขภาวะ
๔. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชุมชนออกกำลังกายทำให้มีกำลังกล้ามเนื้อ การทรงตัวดีขึ้น
๕. เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านป้องกันการล้มได้อย่างเหมาะสม
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/01/2023
กำหนดเสร็จ 29/02/2024
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?จากผู้สูงอายุในชุมชนได้มีการรวมกลุ่มทำประชมคม ได้ประเด็นปัญหาสุขภาพที่ชุมชนต้องการแก้ไขอย่างแท้จริง จะทำให้ผู้สูงอายุในชุมชนมีความตระหนักในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ และได้รับการประเมินสุขภาพ คัดกรองเสี่ยงต่อล้ม ผู้สูงอายุในชุมชนที่เสี่ยงต่อกระดูกพรุนได้รับการดูแลรักษาอยากต่อเนื่องและเหมาะสม อัตราการล้มลดลง และเกิดเครือข่ายการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน