โครงการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) กศน.อำเภอนาโยง
ชื่อโครงการ | โครงการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) กศน.อำเภอนาโยง |
รหัสโครงการ | 65-L1475-02-08 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน่วยงานสาธารณสุข เช่น โรงเรียน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอนาโยง |
วันที่อนุมัติ | 11 มีนาคม 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2565 - 30 กันยายน 2565 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2565 |
งบประมาณ | 35,040.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวจุฑามาส แก้วมี |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางวลัยภรณ์ เยาว์ดำ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.532,99.71place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ในปีที่ผ่านมาตั้งแต่
26 มีนาคม 2563 และตามมติคณะรัฐมนตรีได้ขยาย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปถึง 30 กันยายน 2564 และในปี 2564 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่11/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุมตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกาศระบุว่าตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมพ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นคราวที่ 13 จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 นั้น สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อ
โควิด-19 ทวีความรุ่นแรงมากยิ่งขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เละปริมณฑล
ดังนั้น เพื่อเป็นการร่วมมือหยุดการแพร่ระบาดเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาเชิงรุกและการป้องกันไม่ให้เกิดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งมาจากการปฏิบัติตนไม่ถูกต้องของบุคคลทั่วไปและผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอ โดยมีภาวะโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงสูงใน 7 กลุ่มโรค เช่น เบาหวาน ความดัน โลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง และโรคทางเดินหายใจ กลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่แพร่ระบาดเสี่ยงสูง หรือผู้สัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ตามนิยามผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อสูงของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องกำหนดมาตรการควบคุมป้องกัน ตามหลัก New Normal และ DMHTT อย่างเข้มงวดเพียงพอต่อการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้ มีนโยบายให้สถานศึกษาเปิดเรียนแบบ on-site โดยต้องทำเป็นพื้นที่ปลอดโควิด หรือCovid free setting มีกิจกรรมให้ครู และนักศึกษาฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ครบถ้วน มีการสุ่มตรวจนักศึกษา
ที่มาเรียน on-site ด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อเป็นการดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
โคโรนา (Covid 19)
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
กิจกรรม คัดกรอง ATK ให้กับนักศึกษาและครู ปีการศึกษา 2564 - ค่าเจลล้างมือ ขวด 5 ลิตร จำนวน 1 ขวด ๆ ละ 420 เป็นเงิน 420 บาท - ค่าชุดตรวจ โควิด-19 ด้วยตนเอง หรือ ATK จำนวน 360 ชุด ๆ ละ 75 บาทเป็นเงิน 27,000 บาท - ค่าหน้ากากอนามัยจำนวน 5 กล่อง ๆ ละ 120 บาท เป็นเงิน 600 บาท - ค่าชุด CPE ป้องกันเชื้อไวรัส - เชื้อโรค และสารเคมี จำนวน 24 ชุด ๆ ละ 20 บาท เป็นเงิน 480 บาท - ค่าน้ำยาฆ่าเชื้อ ขวด 1,000 มล. จำนวน 2 ขวด ๆ ละ 350 บาท เป็นเงิน 700 บาท - ถุงมือยางป้องกันเชื้อโรค จำนวน 12 กล่อง ๆ ละ 130 บาท เป็นเงิน 1,560บาท - ค่าเครื่องพ่นละอองฝอยฆ่าเชื้อโรค จำนวน 1 เครื่อง ๆ ละ 1,000 บาท เป็นเงิน 1,000 บาท - ค่าเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด จำนวน 1 เครื่อง ๆ ละ 2,280 บาท เป็นเงิน 2,280 บาท - ค่าถังขยะ จำนวน 2 ถัง ๆ ละ 500 บาท เป็นเงิน 1,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35,040 บาท ทุกรายการสามารถถัวเฉลี่ยกันได้
นักศึกษาและครูได้รับการเฝ้าระวัง คัดกรองเบื้องต้นด้วย ATK ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ได้รับความรู้ด้านระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 เพื่อไม่ให้เป็นพาหะนำโรค
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 14:57 น.