โครงการส่งเสริมความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการหกล้มในผู้ป่วยโรคเรื้อรังในหมู่ที่ 2 3 5 ตำบลกันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ปี 2565
ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการหกล้มในผู้ป่วยโรคเรื้อรังในหมู่ที่ 2 3 5 ตำบลกันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ปี 2565 |
รหัสโครงการ | 65-L1460-01-006 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกันตังใต้ |
วันที่อนุมัติ | 24 มกราคม 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 10 มกราคม 2565 - 20 สิงหาคม 2565 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 1 กันยายน 2565 |
งบประมาณ | 32,186.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายวรรณกิจ สินอ่อน |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.338,99.515place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
การที่ประชากรมีอายุยืนขึ้นทำให้โรคเรื้อรังที่เป็นผลจากการเสื่อมของสภาพร่างกาย กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและวิทยาการทางการแพทย์อย่างมากในเวลาเดียวกัน แต่กลับพบว่ามีประชากรที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ มากกว่าร้อยละ 50 คนไข้หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
การที่ประชากรมีอายุยืนขึ้นทำให้โรคเรื้อรังที่เป็นผลจากการเสื่อมของสภาพร่างกาย กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและวิทยาการทางการแพทย์อย่างมากในเวลาเดียวกัน แต่กลับพบว่ามีประชากรที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ มากกว่าร้อยละ 50 คนไข้โรคเรื้อรังที่พบบ่อย ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คนไข้โรคเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในผู้ป่วยโรคเรื้อรังเหล่านี้ ยังพบว่า เกิดภาวะกระดูกพรุนเพิ่มมากขึ้น เป็นปัญหาสำคัญของการสาธารณสุข ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลรักษาคนไข้กลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่รักษาไม่หาย คนไข้จะมีอาการกำเริบ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น เบาหวานอาจเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเฉียบพลัน เกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ตาบอด ไตวาย เท้าเป็นแผลอักเสบจนต้องตัดขา ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดในสมองแตก เกิดเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต การเกิดภาวะกระดูกพรุนในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ส่งผลให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการหกล้ม และกระดูกหักได้มากขึ้น เป้าหมายการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการกำเริบหรือภาวะแทรกซ้อนสาเหตุหนึ่งเกิดจากวิถีชีวิตและพฤติกรรม ที่สำคัญ ได้แก่ การกินอาหาร ทั้งประเภทและช่วงเวลาการกิน พฤติกรรมเสี่ยง คือ กินอาหารไม่ครบหมู่ กินอาหารบางหมู่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน งดอาหารมื้อเช้า แต่กินอาหารมื้อเย็นมากเกินไป กินอาหารเสร็จถึงเวลาเข้านอน ดื่มสุรา และสูบบุหรี่ การทำงานที่ใช้แรงกายน้อย ขาดการออกกำลังกาย มีความเครียดสูง
จากข้อมูลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และเบาหวานของประชากรหมู่ที่ 2 3 5 ตำบลกันตังใต้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยรับบริการในคลินิกโรคเรื้อรังของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกันตังใต้ จำนวน 170 คน สามารถแบ่งเป็นกลุ่มประสิทธิภาพทางการดูแลได้ดังนี้ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 170 คน กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตสูงได้อยู่ในระดับดี จำนวน 74 คน คิดเป็นร้อยละ 43.52 กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้อยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 83 คน คิดเป็นร้อยละ 48.82 กลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตอยู่ในระดับต่ำ จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 7.64 ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำนวน 27 คน กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอยู่ในระดับดี จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 40.74 กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 40.74 กลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอยู่ในระดับต่ำ จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 18.51 ผู้ป่วยในกลุ่มที่ 2และ3 คือกลุ่มที่ควรได้รับการควบคุมเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต จนกลายเป็นผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงในอนาคต และจากสถิติในปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เกิดการหกล้ม และมีภาวะกระดูกหักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกิดโรคภาวะแรกซ้อนเหล่านี้ จะทำให้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกันตังใต้ เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยในกลุ่มนี้ จึงได้ทำโครงการส่งเสริมความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการหกล้มในผู้ป่วยโรคเรื้อรังในหมู่ที่ 2 3 5 ตำบลกันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรังขึ้น เพื่อช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน และการเพิ่มของผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ในการดูแลสุขภาพอยู่ในระดับดี อย่างน้อยร้อยละ 80 |
0.00 | |
2 | เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการหกล้ม ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการหกล้ม อย่างน้อยร้อยละ 80 |
0.00 |
ลำดับ | กิจกรรมหลัก | งบประมาณ | ม.ค. 65 | ก.พ. 65 | มี.ค. 65 | เม.ย. 65 | พ.ค. 65 | มิ.ย. 65 | ก.ค. 65 | ส.ค. 65 | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ทำป้ายโครงการ(10 ม.ค. 2565-20 ส.ค. 2565) | 0.00 | |||||||||
รวม | 0.00 |
1 ทำป้ายโครงการ | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 0 | 0 | 0 | 0 | |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 50 | 31,686.00 | 0 | 0.00 | |
10 ม.ค. 65 - 20 ส.ค. 65 | ช่วงที่ 1 ให้ความรู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการประเมินความเสี่ยงต่อการหกล้ม | 50 | 9,690.00 | - | ||
10 ม.ค. 65 - 20 ส.ค. 65 | ช่วงที่ 2 การวัดความดันและระดับน้ำตาลที่บ้านโดยผู้ป่วย และจดบันทึกผล ในผู้ป่วยกลุ่มที่ 3 | 0 | 21,996.00 | - |
ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลมีความรู้ สามารถดูแลตนเอง วัดความดันโลหิต และเจาะเลือดเพื่อดูน้ำตาลในกระแสเลือดได้อย่างถูกต้อง ได้รับการปรับเปลี่ยนการใช้ยาได้ตามความเหมาะสม ทราบผลการประเมินภาวะเสี่ยงต่อการหกล้ม ผู้ดูแลช่วยเหลือป้องกันการหกล้มได้เพิ่มขึ้น
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 12:08 น.