โครงการการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนภายหลังการรับวัคซีน
ชื่อโครงการ | โครงการการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนภายหลังการรับวัคซีน |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลกรงปินัง |
วันที่อนุมัติ | 15 ธันวาคม 2559 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 3 มกราคม 2560 - 29 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 15,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศนั้น ต้องมีพื้นฐานสุขภาพที่ดีและห่างไกลโรคภัย งานการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในเด็ก 0-5 ปี จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันโรควัณโรค คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ไข้สมองอักเสบ หัด หัดเยอรมัน คางทูม และโปลิโอ ซึ่งโรคดังกล่าวนี้ทำให้สุขภาพของคนในประเทศชาตินั้น เจ็บป่วยร่วมกับสูญเสียภาพลักษณ์ และความรุนแรงสูงสุดสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นถ้าเด็กได้รับวัคซีน 0-5 ปี ครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงกำหนด จะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวได้ดี ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของบุคคลในชาติมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข คนไทยห่างไกลโรคภัย
จากการดำเนินงานส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค พบว่าเด็กที่ไม่มารับวัคซีนครบตามเกณฑ์ส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวไม่ให้ความสำคัญกับการรับวัคซีนของเด็ก ครอบครัวห่วงลูกหลานแบบผิด คือ กลัวลูกหลานเจ็บเมื่อมาฉีดวัคซีนโดยไม่กลัวการระบาดของโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ครอบครัวมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับการรับวัคซีน ผู้ปกครองขาดความตระหนักเกี่ยวกับการรับวัคซีน ขาดแรงจูงใจในการมารับวัคซีน และไม่มีความรู้เรื่องผลข้างเคียงของวัคซีนที่ได้รับ และจากรายงานการระบาดของโรคคอตีบในเด็กของปีที่ผ่านมาของอำเภอกรงปินังโดยในปี 2554 พบผู้ป่วยคอตีบ 2 ราย และในปี 2555 พบผู้ป่วยคอตีบ 1 รายและในปี 2557 พบผู้ป่วยคอตีบ 3 รายเสียชีวิต 1 รายจึงควรเร่งส่งเสริมป้องกันโรคดังกล่าวร่วมกับโรคอื่นที่ยังไม่มีการระบาดที่สามารถควบคุมได้ด้วยวัคซีนให้อยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ดังนั้น ทางเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอกรงปินัง จึงได้จัดทำโครงการ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนภายหลังการรับวัคซีนอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา โดยเน้นการบริการเชิงรุก ร่วมกับองค์กรทุกภาคส่วนในอำเภอกรงปินัง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อบรรลุความครอบคลุมของวัคซีนในเด็ก ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80.43 |
||
2 | 2. เพื่อป้องกันโรคระบาดที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน 180 คน |
||
3 | 3. เจ้าหน้าที่มีความรู้และทักษะการบริการและการดูแลภาวะแทรกซ้อนหลังการมารับวัคซีนตามเกณฑ์ เจ้าหน้าที่มีความรู้และทักษะการบริการและการดูแลภาวะแทรกซ้อนหลังการมารับวัคซีนตามเกณฑ์ |
2.1 ขั้นเตรียมการ .2.1.1 เขียนโครงการเสนอเพื่อขออนุมัติจัดทำโครงการ .2.1.2 ประชุมชี้แจงโครงการแก่คณะทีมงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ .2.1.3 ติดต่อประสารในการดำเนินโครงการ .2.2 ขั้นดำเนินการ 2.2.1 กิจกรรม จัดเวทีประชาคมการมีส่วนร่วมทีมภาคีเครื่องข่าย สาธารณสุข ส่วนราชการองค์บริหารส่วนท้องถิ่น และภาคีประชาชนในการดูแลสุขภาพ ด้านการสร้างเสริมการภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนและการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนภายหลังการรับวัคซีน ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา .2.2.2 กิจกรรม อบรมให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กเรื่องวัคซีนและการดูแลหลังรับวัคซีนในเด็ก 0-5 ปี 1. กิจกรรมให้บริการเชิงรุกในพื้นที่ ม.3,4 ตำบลกรงสะเอะ 2. ขั้นประเมินผล .2.3.1 เก็บรวบรวมจำนวนเด็กที่มารับบริการวัคซีนของกลุ่มเป้าหมาย .2.3.2 นำเสนอผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคที่พบ และแนวทางแก้ไข แก่ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ
เด็ก 0-5ปี และเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคตามวัยซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันโรค คอตีบ ไอกรนบาดทะยักไข้สมองอับเสพ หัด หัดเยอรมัน คางทูม และโปลิโอ นอกจากนี้ผู้ปกครองของเด็ก และหน่วยงานทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างเสริมภูมิกันโรคใน และหาแนวทางดำเนินงานด้วยกันต่อไป
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2559 14:05 น.