โครงการอบรมการเฝ้าระวังให้ความรู้โรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านม ปี 2566
ชื่อโครงการ | โครงการอบรมการเฝ้าระวังให้ความรู้โรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านม ปี 2566 |
รหัสโครงการ | 66-L3004-02-19 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะโด |
วันที่อนุมัติ | 31 พฤษภาคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 24 พฤษภาคม 2566 - 30 กันยายน 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2566 |
งบประมาณ | 17,180.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวฟูดีละห์ มะหะมะ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลปะโด อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.666,101.359place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 24 พ.ค. 2566 | 30 ก.ย. 2566 | 0.00 | |||
รวมงบประมาณ | 0.00 |
คำเตือน : รวมงบประมาณของทุกงวด (0.00 บาท) ไม่เท่ากับ งบประมาณโครงการ (17,180.00 บาท)
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
หลักการเหตุผล โรคมะเร็งเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ ปีหนึ่งมีคนไทยเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็งทุกชนิด ปีละ 4,500 ราย โดยมีอัตราตายเป็นอับดับ 2 รองจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้น โดยเฉพาะโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งในสตรี พบได้ถึง 8 คน ในประชากรหนึ่งแสนคน แต่ละปีจะมีผู้หญิงป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ปีละประมาณ 10,000 ราย หรือวันละ 27 ราย เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 5,200 ราย หรือวันละ 14 ราย โดยกลุ่มที่พบสูงสุดคืออายุ 45-55 ปี องค์การอนามัยโลกประมาณการณ์ว่า ขณะนี้ทั่วโลกในทุก 2 นาทีจะมีผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 1 รายและจากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าสตรีไทยมีแนวโน้มการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้นจากปี 2558 ซึ่งมีอัตราตายด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก 3 ต่อแสนประชากร และเพิ่มเป็น ๓.๑ ต่อแสนประชากรในปี 2558 ในแต่ละปีมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกเสียชีวิต ประมาณ 4,500 ราย ส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 30 - 50 ปี ซึ่งที่ผ่านมาใช้วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยการตรวจ Pap Smear และหากทำทุก 2 ปี สามารถลดการเป็นมะเร็งระยะลุกลามได้ 92 % ถึงแม้กระบวนการตรวจเพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูก จะง่าย สะดวก ราคาถูก แต่ยังพบว่าสตรีจำนวนมากไม่เห็นความสำคัญ มีทัศนคติ ที่ไม่ดีต่อการตรวจ Pap Smear สตรีที่เป็นมะเร็งส่วนใหญ่มักจะมี สถานะทางเศรษฐกิจต่ำ มีความรู้น้อย มีปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตรวจมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ ความรู้ความเชื่อด้านสุขภาพ ปัญหาในการมาตรวจ ความอาย ความรู้สึกเจ็บไม่สบาย ความวิตกกังวลถึงผลการตรวจและความรุนแรงของโรค (สริตา, 2538)
สำหรับสถานการณ์โรคมะเร็งของจังหวัดปัตตานี ส่วนโรคมะเร็งปากมดลูกของจังหวัดปัตตานี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 – 2565 พบว่า มีอัตราป่วย 59.10 และ 60.15 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีกลุ่มเป้าหมายอายุ 35 - 60 ปี ของตำบลปะโด พบว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ปี ๒๕65 ร้อยละ 34.65 (โปรแกรมHosXP_PCU รพ.สต.ปะโด มกราคม 2566) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายตัวชี้วัดของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้กำหนด ในปี 2566 ตำบลปะโดได้จัดทำโครงการรณรงค์ตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกเชิงรุกทุกรูปแบบในกลุ่มเป้าหมาย ทำให้มีผู้มารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก คิดเป็นร้อยละ 26.88 ซึ่งถือว่ามีปริมาณที่น้อยอยู่และต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำกำหนด การให้ความรู้ที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่องร่วมกับการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้สตรีกลุ่มเป้าหมายเกิดความตระหนักในความรุนแรงของโรคและมีความเชื่อด้านสุขภาพที่ถูกต้องดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะโด จึงได้จัดทำ “โครงการอบรมการเฝ้าระวังให้ความรู้โรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านม ปี 2566”เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกแบบยั่งยืน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
---|
หมายเหตุ : งบประมาณ และ ค่าใช้จ่าย รวมทุกวัตถุประสงค์อาจจะไม่เท่ากับงบประมาณรวมได้
1.จำนวนสตรีกลุ่มเป้าหมายอายุ 30 - 60 ปี ได้รับการบริการตรวจโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ตามเกณฑ์มาตรฐาน
2.สตรีอายุ 30 ปีขึ้นไปสามารถตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองอย่างถูกต้อง เดือนละ 1 ครั้ง
3.จำนวนผู้ป่วยที่ค้นพบเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ได้รับการรักษาพยาบาลในระยะขั้นแรก ของการเป็นโรคมะเร็ง
4.ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของภาครัฐ
5.ประชาชนมีความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก
6. ลดอัตราการตายโดยสาเหตุจากโรคมะเร็งปากมดลูก
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2566 15:54 น.