โครงการส่งเสริมสุขภาพดีตามวิถีภูมิปัญญาการแแพทย์แผนไทย
ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมสุขภาพดีตามวิถีภูมิปัญญาการแแพทย์แผนไทย |
รหัสโครงการ | 2566-L7161-01-08 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานสาธารณสุขอื่นของ อปท. เช่น กองสาธารณสุขของเทศบาล |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองเบตง |
วันที่อนุมัติ | 24 สิงหาคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 2 ตุลาคม 2566 - 29 ธันวาคม 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 มกราคม 2567 |
งบประมาณ | 104,350.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางศุภัศร์มา ยี่สุ่นศรี |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
การใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพ เป็นหนึ่งในภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดกันมา ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่ระบุถึงการใช้พืชพรรณสมุนไพรตั้งแต่สมัยพุทธกาล การนำสมุนไพรมาใช้ได้ทั้งในแง่การนำมารับประทานเป็นอาหาร เช่น การรับประทานพืชผัก หรือนำมาประกอบเป็นอาหาร นอกจากนั้นยังนำมาใช้เป็นยารักษาโรคเวลาเกิดอาการเจ็บป่วย การใช้ลูกประคบสมุนไพรก็เป็นหนึ่งในภูมิปัญญาไทยที่คนไทยเรานำมาใช้กันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าของเรา หลายท่านคงจะเคยมีประสบการณ์การใช้ลูกประคบสมุนไพรอยู่บ้าง แต่หลายท่านอาจจะไม่ทราบถึงรายละเอียด ในเรื่องผล การรักษา วิธีการใช้ อาการที่เหมาะกับการใช้ลูกประคบสมุนไพรลูกประคบสมุนไพรเป็นภูมิปัญญาไทย ที่มีมาแต่โบราณ เป็นการนำสมุนไพรพื้นบ้านชนิดต่างๆ มาใช้ประโยชน์ ในการคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อยลูกประคบมีพืชสมุนไพรเป็นส่วนประกอบหลัก อย่างน้อย 3 ชนิด ได้แก่ ไพล ขมิ้นชันและตะไคร้ อาจผสมสมุนไพรชนิดอื่นๆ เช่น ผิวมะกรูด ใบมะขาม การบูร พิมเสน ลูกประคบสมุนไพรมีอยู่ด้วยกันหลายสูตรทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคของประเทศ ซึ่งจะใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆเป็นส่วนประกอบ การทำลูกประคบสมุนไพรแบบแห้งโดยนำสมุนไพรมาทำความสะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้แห้งโดยการอบหรือตากแดด และห่อสมุนไพรแห้งด้วยผ้าดิบหรือผ้าฝ้าย แล้วมัดให้แน่นเป็นลูกกลมๆ นำไปนึ่งให้ความร้อน แล้วนำไปประคบในบริเวณที่มีการปวดตึงกล้ามเนื้อ นอกจากนี้สมุนไพรไทย ยังสามารถมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้อีกมาก อันได้แก่ การทำยาหม่องการทำน้ำมันไพล การทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และการทำสมุนไพรอบตัวเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ยังมีศาสตร์การรักษาอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจในการดูแลสุขภาพ นั้นคือศาสตร์การเผาเครื่องยาร้อน ซึ่งเป็นการนำสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งส่วนใหญ่จะมีรสเผ็ดร้อน ซึ่งมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดช่วยลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อได้ดีเช่น หัวไพล, ขิง, ข่า เป็นต้น มาตำรวมกัน แล้วนำไปวางบนท้องรอบสะดือแล้วใช้ผ้าเปียกทำเป็นวงกลมล้อมรอบ ใส่เกลือและน้ำมันสมุนไพรเล็กน้อย และใช้ผ้าอีกผืนคลุมทับอีกชั้นหนึ่งแล้วจุดไฟเผา (การเผายาสามารถทำบริเวณกล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วยเช่น กล้ามเนื้อบ่า หลัง ขา เป็นต้น) ประโยชน์ของการเผายา คือ ใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย เป็นต้น
สถานการณ์การใช้บริการการแพทย์แผนไทยปี พ.ศ.2552, 2554 และ 2556 โดย รัชนี จันทร์เกษและคณะ เผยแพร่ในวารสารวิจัยระบบสาธารณสุขฉบับเมษายน-มิถุนายน 2559 เป็นหนึ่งในงานศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์การแพทย์แผนไทยที่น่าสนใจ กล่าวคือ เป็นการศึกษาด้านการแพทย์แผนไทยในภาพรวมของประเทศจากเอกสารผลการสำรวจอนามัยและสวัสดิการของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี พ.ศ. 2552, 2554 และ 2556 เกี่ยวกับภาวะการเจ็บป่วยและการเข้ารับบริการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านจากการสัมภาษณ์ประชากรทั่วประเทศปีละ 28,000 ครัวเรือน
ผลการศึกษาพบว่า ประชากรไทยที่เจ็บป่วยส่วนใหญ่เลือกไปรักษาที่สถานพยาบาลภาครัฐ การไปหาหมอพื้นบ้าน/หมอแผนโบราณ หรือหมอนวดไทยมีค่อนข้างน้อย ไม่ถึงร้อยละ 2 ของประชากรที่เจ็บป่วย การรักษาด้วยยาสมุนไพรในภาพรวมมีแนวโน้มลดลง โดยพบว่ากลุ่มอายุ 25-59 ปีที่เจ็บป่วยมีการใช้ยาแผนโบราณ หรือยาสมุนไพรระหว่างร้อยละ 51.0-60.3 ของประชากรที่เจ็บป่วยทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือโรคปวดหลังและปวดกล้ามเนื้อต่างๆ เป็นกลุ่มอาการที่พบมากเป็นอันดับสอง แต่กลับมีการใช้ยาแผนโบราณหรือสมุนไพรเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 27.3 33.4 และ 31.1 ของประชากรที่ใช้ยาแผนโบราณหรือสมุนไพรในปี พ.ศ.2552, 2554 และ 2556 ตามลำดับ
ข้อค้นพบสำคัญจากการศึกษาครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกยังเป็นทางเลือกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของคนไทย เห็นได้จากการเลือกใช้วิธีการรักษาด้วยแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกเพิ่มขึ้น แต่การใช้ยาแผนโบราณและยาสมุนไพรยังไม่สามารถทดแทนยาแผนปัจจุบันได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากการขับเคลื่อนดำเนินงานด้านยาแผนโบราณและยาสมุนไพรที่ยังขยายตัวได้ไม่มากนักแม้จะได้รับการสนับสนุนในระดับนโยบายค่อนข้างสูงก็ตาม ด้วยเหตุที่ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวกับสมุนไพรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำยังมีปัญหา
จากข้อความข้างต้น เทศบาลเมืองเบตงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพด้วนศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ประกอบกับเทศบาลเมืองเบตง มีบุคลากรที่มีใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย นวดไทยและผดุงครรภ์ไทย จึงได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารให้เตรียมความพร้อมในการเปิดคลินิก
ดังนั้น เทศบาลเมืองเบตง โดยกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพดีตามวิถีภูมิปัญญาการแแพทย์แผนไทยขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการและเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุม การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ เสริมสร้างให้ประชาชนรอบรู้ด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคด้วยการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและสมุนไพรตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีการนําภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยสู่การใช้ประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ขอรับรองว่าโครงการนี้ไม่ได้ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับจากแหล่งอื่น มีความสอดคล้องกับแผนสุขภาพชุมชน และเทศบาลเมืองเบตงได้รับทราบถึงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และวิธีการดำเนินงานตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ในการนำสมุนไพรไทย เพื่อใช้ในการทําผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพได้
|
0.00 | |
2 | 2. เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าใจในการนวดประคบด้วยสมุนไพรและศาสตร์การเผาเครื่องยาร้อน
|
0.00 | |
3 | 3. เพื่อส่งเสริมให้ผู้อบรมมีมาสนใจและใช้พืชสมุนไพรในการดูแลสุขภาพมากขึ้น
|
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 104,350.00 | 0 | 0.00 | |
1 พ.ย. 66 - 29 ธ.ค. 66 | อบรมให้ความรู้และอบรมเชิงปฏิบัติการฯ | 0 | 104,350.00 | - |
- ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้ในการดูแลสุขภาพกายด้วยพืชสมุนไพรไทย
- ผู้เข้าร่วมสามารถป้องกันการใช้ยาที่มากเกินไป ควบคู่กับการนำสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคได้
- ผู้เข้าร่วมสามารถประยุกต์ใช้พืชสมุนไพรในการดูแลสุขภาพมากขึ้น
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2566 00:00 น.