“บุหรี่ไฟฟ้า มหันตภัยใหม่ใกล้ตัวนักสูบรุ่นเยาว์”
ชื่อโครงการ | “บุหรี่ไฟฟ้า มหันตภัยใหม่ใกล้ตัวนักสูบรุ่นเยาว์” |
รหัสโครงการ | L7161 -02-01 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน่วยงานสาธารณสุข เช่น โรงเรียน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงเรียนถนอมศรีศึกษา |
วันที่อนุมัติ | 28 ธันวาคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2567 - 31 มีนาคม 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 29 มีนาคม 2567 |
งบประมาณ | 34,710.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวนรา นิยมไทย |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 130 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบัน “บุหรี่ไฟฟ้า” ถือว่าได้รับความนิยมขึ้นกว่าในอดีตมากซึ่งแรกเริ่มบุหรี่ไฟฟ้าได้รับการโฆษณาสรรพคุณว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มาจนวันนี้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้กลายเป็นเหมือนกับทางเลือกสำหรับ “วัยรุ่น” มากขึ้นในฐานะ “แฟชั่นใหม่” ภายใต้แนวความคิดที่ว่า “เท่ห์ สูบได้ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 เผยคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน ในจำนวนนี้อายุ 15-24 ปี 24,050 คน และผลสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขพบเยาวชนไทยมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยในกลุ่มเด็กนักเรียนไทยเพิ่มจากร้อยละ 3.3 ปี 2558 เป็น ร้อยละ 8.1 ในปี 2564สัดส่วนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการขายและส่งเสริมการขายบุหรี่ไฟฟ้า พบว่า มีการขายและส่งเสริมการขายบุหรี่ไฟฟ้าในสื่อสังคมออนไลน์สูงถึง 300 ราย ใน 6 แพลตฟอร์ม พบการขายมากที่สุดผ่านทาง “เว็บไซต์” อยู่ที่ร้อยละ 23 รองลงมาคือผ่านทางแอปพลิเคชัน “Line” อยู่ที่ร้อยละ 21 และ “Youtube” อยู่ที่ร้อยละ 20 ส่วนช่องทาง “Facebook” พบอยู่ที่ร้อยละ 15 “Twitter” พบอยู่ที่ร้อยละ 12 และผ่านทาง “Instagram” พบอยู่ที่ร้อยละ 9จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” มีความแพร่หลายอย่างมากในกลุ่มเยาวชนไทย และยังสามารถหาซื้อได้ง่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เราจึงพบเห็นแนวโน้มการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มากขึ้นในปัจจุบัน
จากการสังเกตและติดตามประเมินภายในโรงเรียนพบว่า เด็กอายุ11-15 ปีบางกลุ่มมีพฤติกรรม
เปลี่ยนไปอย่างผิดปกติเช่นติดเกมส์มาโรงเรียนพูดถึงแต่เกมส์ที่เล่นด้วยกันในค่ำคืนที่ผ่านมา ไม่สนใจเรียนก้าวร้าวและหลับในห้องเรียนบางคนมีการขอ (ขู่)เอาเงินจากเพื่อนๆและรุ่นน้องในโรงเรียนและ/หรือที่เล่นเกมส์ด้วยกัน และมีการโพสต์ในเฟสบุ๊คกลุ่ม(ปิด) ซักชวนให้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้า โดยเป็นตัวแทนขายตรงพร้อมกับชักชวนเพื่อนๆและรุ่นน้องให้ลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นต้นเด็กที่มีฐานะค่อนข้างดีกลุ่มนี้จะมีทั้งเพื่อนในโรงเรียนเดียวกันและต่างโรงเรียนมีนัดที่จะไปพบกันทั้งในสนามกีฬา และสถานที่ใกล้ร้านจำหน่ายโดยผู้ปกครอง หรือ ครู ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ ตลอดจนไม่รู้ถึงสาเหตุพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของบุตรหลานของตน เช่น ขอเงินมากกว่าปกติโดยอ้างเหตุซื้ออุปกรณ์การเรียนฯลฯ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือว่ามาแรงในปัจจุบัน ซึ่งที่พบมีมากในกลุ่มของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา และที่น่าเป็นห่วงก็พบในระดับชั้น ป.5 - ป.6และที่เพิ่งตรวจพบคือชั้น ป.4
ทางโรงเรียนถนอมศรีศึกษาได้เห็นความสำคัญของภัยร้ายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อกลุ่มเยาวชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเรียนที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นวัยอยากรู้อยากลองโรงเรียนถนอมศรีศึกษาจึงได้จัดโครงการ “บุหรี่ไฟฟ้า มหันตภัยใหม่ใกล้ตัวนักสูบรุ่นเยาว์” เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้รู้เท่าทันเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และเกิดความตระหนักถึงพิษภัยอันตรายจากการสูบของบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นแกนนำในการช่วยเพื่อนมิให้ตกเป็นเหยื่อของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้นักเรียนที่เข้าร่วมการอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และ ตระหนักถึงโทษของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า นักเรียนที่เข้าร่วมการอบรม ร้อยละ 100% มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงโทษ รู้วิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงตนจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า |
0.00 | |
2 | เพื่อให้นักเรียนที่เข้าร่วมการอบรมได้เป็นแกนนำในการถ่ายทอดความรู้ขยายผลไปยังผู้ใกล้ชิดในโรงเรียน นักเรียนที่เข้าร่วมการอบรม ร้อยละ 100% สามารถถ่ายทอดความรู้ขยายผลไปยังผู้ใกล้ชิดในโรงเรียน ครอบครัว เพื่อนบ้านและชุมชนได้ |
0.00 |
ลำดับ | กิจกรรมหลัก | งบประมาณ | ม.ค. 67 | ก.พ. 67 | มี.ค. 67 | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างภูมิคุ้มกันจากบุหรี่ไฟฟ้า(2 ม.ค. 2567-31 มี.ค. 2567) | 29,190.00 | ||||
2 | กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมเดินรณรงค์ต่อต้าน “บุหรี่ไฟฟ้า”(2 ม.ค. 2567-31 มี.ค. 2567) | 5,520.00 | ||||
รวม | 34,710.00 |
1 กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างภูมิคุ้มกันจากบุหรี่ไฟฟ้า | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 130 | 29,190.00 | 1 | 34,163.00 | |
2 ม.ค. 67 - 31 มี.ค. 67 | กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างภูมิคุ้มกันจากบุหรี่ไฟฟ้า | 130 | 29,190.00 | ✔ | 34,163.00 | |
2 กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมเดินรณรงค์ต่อต้าน “บุหรี่ไฟฟ้า” | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 130 | 5,520.00 | 1 | 1,300.00 | |
2 ม.ค. 67 - 31 มี.ค. 67 | กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมเดินรณรงค์ต่อต้าน “บุหรี่ไฟฟ้า” | 130 | 5,520.00 | ✔ | 1,300.00 | |
1.นักเรียนที่เข้าร่วมการอบรมได้รับความรู้ความเข้าใจตระหนักถึงโทษรู้วิธีป้องกันและ
หลีกเลี่ยงตนจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
2.นักเรียนที่เข้าร่วมการอบรมได้เรียนรู้และเป็นแกนนำในการถ่ายทอดความรู้ขยายผลไปยังผู้ใกล้ชิดในโรงเรียน ครอบครัว เพื่อนบ้านและชุมชนใกล้เคียงในการหลีกเลี่ยง การสร้างภูมิคุ้มกันและการป้องกันตนจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 00:00 น.