โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ประจำปี 2561
ชื่อโครงการ | โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ประจำปี 2561 |
รหัสโครงการ | 61-L4140-1-3 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำพะยา |
วันที่อนุมัติ | 8 มีนาคม 2561 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ตุลาคม 2560 - 30 กันยายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 15,500.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายดุษฎีปาลกาลย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำพะยา |
พี่เลี้ยงโครงการ | น.ส.ซัลมา หะยีสะมะแอ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.584,101.162place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 130 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงนับเป็นปัญหาการเจ็บป่่วยที่สำคัญและนำมาซึ่งความสูญเสียทรัพยากรในการดูแลรักษา มีผลกระทบต่อผู้ป่วยเอง และผู้ดูแล ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในครอบครัวมีอาการป่วยเรื้อรัง เป็นเวลานาน ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ นอกจากจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายแล้ว ยังเชื่อมไปสู่ โรคแทรกซ้อนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค คือ "กรรมพันธุ" และ "lสิ่งแวดล้อม"ในส่วนของกรรมพันธฺุนั้นเป้นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีอายุมากขึ้นขณะที่สิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยเสื่ื่ยงที่เริ่่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่แม้กรรมพันธุ์จะเป้นส่ิงที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็สามารถควบคุมปัจจัยเรื่องอาหารและส่ิงแวดล้อมเพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้จากผลการวิจัยหลายช้ิิ้นชี้ให้เห็นว่าการควบคุมอาหารอย่างดี รวมไปถึงการออกกำลังกายเป้นประจำนั้นส่งผลโดยตรงต่อการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะคนที่ความเสียงสูงทางพันธุกรรมอีกทั้งยังเป็นการควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง รวมไปถึงป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้จากข้อมูลอัตราการป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง รพ.สต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ปี 2560 พบว่า ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานในเขตรับผิดชอบทั้งหมด99รายได้รับการตรวจภาวะน้ำตาลในเลือด 82 ราย รวบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีเยี่ยม จำนวน 31รายพบกลุ่มป่วยโรคความดันโลหิตสูงเขตรับผิดชอบ 317ราย ควบคุมระดับความดันโลหิตสูงได้ดีเยื่่ยม จำนวน 163 รายหากไม่ไ้ดปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ในอนาคตกาiรักษาโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงโดยการให้ความสำคัญเฉพาะด้านการแพทย์อาจไม่เพียงพอเพื่อการควบคุมโรคที่สมบูรณ์ ผู้ป่วยต้องได้รับความรู้เรื่องโรค รวมไม่ถึงความรู้เรื่องโภชนาการและการออกกำลังกายที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้รับการกระตุ้นการเปลี่ยนพฤติกรรมฝ่ายกิจกรรมต่างๆ เช่น ค่ายเบาหวาน ความดันหรือกิจกรรมชมรมอย่างสมำ่เสมอซึ่งถ้าปฏิบัติตามอย่างเคร่่องครัดตั้งแต่ระยะต้น ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยปราศจากโรคแทรกซ้อนได้ ดังนั้น รพ.สต.ลำพะยา ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โดยได้จัดโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มป่วยต่อโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง รพ.สต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลาปี 2561ขึ้นโดยเน้นกิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงอย่่างเข้มข้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีความรู้เรื่องโรคและภาวะแทรกซ้อนจากโรค ระดับความรู้ของผู้เข้าประเมินจากแบบสอบถามเร่ืองการดูแลสุขภาพด้านการออกกำลังกาย การบริโภคอาหาร และสุขภาพจิตก่อนและหลังการอบรมเกณฑ์ร้อยละ 80 ของผู้เข้าอบรมมีความรํู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเพ่ิมขึ้น |
0.00 | |
2 | เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ถูกต้อง พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้เข้าอบรมประเมินจากแบบสอบถาม เรื่องพฤติกรรมการดูแลสุขภาพด้านโภชนาการการออกกำลังกายเกณฑ์ร้อยละ 80 มีพฟติกรรมในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องจากการติดตามหลังการอบรม2 เดือน |
0.00 | |
3 | เพื่อผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงสามารถลดระดับความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ระดับความดันโลหิตของผู้เข้าอบรมที่มีภาวะเสี่ยงลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 80 จากการตรวจติดตามหลังการอบรม 2 เดือน - ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เข้ารับการอบรมที่มีภาวะเสี่ยงลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ ร้อยละ 80จากตรวจติดตามหลังการอบรม 2 เดือน |
0.00 | |
4 |
|
0.00 |
งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลลำพะยา จำนวน 15,500 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.ค่าอาหารกลางวัน จำนวน 130 คน x 1 มื้อ ๆ ละ 50 บาท จำนวน 1วันเป็นเงิน6,500 บาท 2.ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม จำนวน 130 คน x 2 มื้อ ๆ ละ 25 บาท จำนวน 1วันเป็นเงิน6,500 บาท ค่าจัดทำป้ายไวนิล ขนาด 1 x 3 เมตร จำนวน1ป้ายเป็นเงิน1,000 บาท 4.ค่าตอบแทนวิทยากรจำนวน1 คนๆ x 5 ชม.ๆ ละ 300 บาทเป็นเงิน1,500 บาท
- ระดับความรู้ของผู้เข้าประเมินจากแบบสอบถาม เรื่อง การดูแลสุขภาพด้านการออกกกำลังกาย การบริโภคอาหาร และสุขภาพจิตก่อนและหลังการอบรมเกณฑ์ร้อยละ 80ของผู้เข้าอบรมมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น
- พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้เข้าอบรมประเมินจากแบบสอบถาม เรื่อง พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตำบลด้านโภชนาการ การออกกำลังกายเกณฑ์ร้อยละ 80มีพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องติดตามหลังการอบรม 2 เดือน
- ระดับความดันโลหิตของผุ้เข้าอบรมที่มีภาวะเสี่ยงลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 80จากตรวจติดตามหลังการอบรม 2 เดือน 4.ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เข้าอบรมที่มีภาวะเสี่ยงลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ ร้อยละ 80 จากตรวจติดตามหลังการอบรม 2 เดือน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2561 14:42 น.