โครงการเยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารก ประจำปี 2560
ชื่อโครงการ | โครงการเยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารก ประจำปี 2560 |
รหัสโครงการ | 2560-L6896-1-09 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | งานบริการการแพทย์ ศูนย์บริการสาธารณสุข 3 เทศบาลนครตรัง |
วันที่อนุมัติ | 27 กุมภาพันธ์ 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2560 - 30 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 6,300.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางจิราพร ขวัญทอง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.559,99.616place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 35 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | 35 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สุขภาพช่องปากเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดี ช่วยเสริมคุณภาพชีวิต เพราะปัญหาสุขภาพช่องปาก จะส่งผลต่อระบบอื่นๆของร่างกาย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้สมบูรณ์ ซึ่งในปัจจุบันแนวคิดการดูแลช่องปาก มิใช่การกำจัดโรคอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีตั้งแต่แรกเริ่มและคงสภาพที่ดีไว้ นั่นคือ ให้ความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคซึ่งดีกว่าการรักษาเพราะกระทำในสภาพปกติ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในการปวดฟัน ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่เสียเวลาในการรักษา ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาและที่สำคัญคือไม่ต้องสูญเสียฟันโรคฟันผุในฟันน้ำนมยังเป็นปัญหาที่พบมากในเด็กไทย โดยเฉพาะในเขตชนบท เด็กอายุ 3 ปีที่เพิ่งมีฟันขึ้นครบ 20 ซี่มีฟันผุแล้วถึงร้อยละ61 และเมื่ออายุ 5 ปีผุแล้วร้อยละ80การรักษาฟันผุในเด็กเล็กทำได้ยากเนื่องจากเด็กมักไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการรักษา การป้องกันฟันผุของเด็กปฐมวัยต้องดำเนินการในช่วงเด็กอายุ 0-2 ปีโรคฟันผุส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กในระยะยาว ซึ่งสาเหตุที่เด็กเล็กมีสภาวะฟันน้ำนมผุสูงเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆได้แก่ พฤติกรรมการเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ถูกต้อง เช่น การดูดนมขวดคาปากการปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนมเป็นประจำ การไม่ดูดน้ำตามหลังดูดนม การทำความสะอาดช่องปากไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ชนิดของนมมีผลต่อการเกิดฟันผุของเด็กวัยนี้เช่นกันสิ่งเหล่านี้นอกจากทำให้เด็กเกิดโรคฟันผุแล้วยังส่งผลทำให้เกิดสภาวะการเจ็บป่วยต่อระบบอื่นๆด้วยในร่างกาย ได้แก่ ภาวะโภชนาการ การเจริญเติบโต การพัฒนาการเรียนรู้และการพัฒนาบุคลิกภาพในเด็กเล็กฯลฯการเฝ้าระวังโดยการดูแลเด็กเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้พบปัญหาเริ่มแรกและสามารถให้การป้องกันก่อนที่จะเกิดฟันผุได้ มาตรการทางวิชาการที่จะช่วยป้องกันการก่อตัวของเชื้อโรค และยังอาจหยุดหรือชะลอการเกิดฟันผุในระยะเริ่มแรกได้ ได้แก่ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ การทำความสะอาดช่องปากสม่ำเสมอและลดการบริโภคน้ำตาล การพัฒนาระบบเฝ้าระวังฟันผุในชุมชนและสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กให้กับผู้ปกครอง และชุมชน จะช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นเพื่อลดปัญหาการเกิดโรคในช่องปากของเด็กเล็กตั้งแต่เนิ่นๆ จึงควรมีการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่มารดาหลังคลอด ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็ก เพื่อมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอนามัย โดยเฉพาะพฤติกรรมการทำความสะอาดช่องปากและพฤติกรรมการบริโภค แก่เด็กเพื่อช่วยกันเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดีให้กับเด็กต่อไป งานบริการการแพทย์ ศูนย์บริการสาธารณสุข 3 เทศบาลนครตรังจึงจัดทำโครงการเยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารกประจำปี 2560 ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารก ทำให้ลดภาระค่ารักษาทางทันตกรรม และเป็นโอกาสที่สามารถเข้าถึงผู้เลี้ยงดูเด็กโดยตรง ซึ่งจะทำให้ลดการเกิดโรคในช่องปากส่งผลให้กลุ่มเป้าหมาย มีสุขภาพช่องปากที่ดีต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้มารดาหลังคลอดที่ได้รับการเยี่ยมบ้านได้ตระหนักถึงความสำคัญการดูแลสุขภาพช่องปากและ ได้รับความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและทารกได้อย่างถูกต้อง มารดาหลังคลอดได้รับการเยี่ยมบ้าน และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากมากขึ้น |
||
2 | 2.เพื่อให้มารดาหลังคลอดได้ฝึกทักษะการทำความสะอาดช่องปากของตนเองและทารกสามารถนำไปปฎิบัติในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกวิธี มารดาหลังคลอดได้ฝึกทักษะการทำความสะอาดช่องปากของตนเองและทารก สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกวิธี |
||
3 | 3.มารดาหลังคลอดมีความพึงพอใจกับการส่งเสริมทันตสุขภาพเพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดีต่อไป มารดาหลังคลอดมีความพึงพอใจกับการส่งเสริมทันตสุขภาพมากขึ้น |
- ชี้แจงผู้เกี่ยวข้อง ให้ทราบวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานตามโครงการฯ
- จัดทำสื่อเพื่อเผยแพร่ความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีให้แก่มารดาหลังคลอดและทารก
- ลงเยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารก 4.มอบชุดสาธิตการทำความสะอาดช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารกเพื่อนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและทารกได้อย่างถูกต้อง
- เก็บรวบรวมข้อมูล
- สรุปผลโครงการ
7.1 มารดาหลังคลอดที่ได้รับการเยี่ยมบ้านมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถนำทักษะที่ได้ฝึกมาปฏิบัติ ในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและทารกไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 7.2 มารดาหลังคลอดมีความพึงพอใจกับการส่งเสริมสุขภาพช่องปากของตนเองและทารก ยู่ในระดับมากคิดเป็นร้อยละ 90
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2560 13:46 น.