โครงการพัฒนาศักยภาพการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กนักเรียน โรงเรียนในเขตเทศบาลนครยะลา
ชื่อโครงการ | โครงการพัฒนาศักยภาพการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กนักเรียน โรงเรียนในเขตเทศบาลนครยะลา |
รหัสโครงการ | 62– L7452 - 2 – 23 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน่วยงานสาธารณสุข เช่น โรงเรียน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา |
วันที่อนุมัติ | 30 พฤษภาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 30 พฤษภาคม 2562 - 30 กันยายน 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 ธันวาคม 2562 |
งบประมาณ | 91,940.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวรอซีกีน สาเร๊ะ เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางสาวสลิล กาจกำแหง หัวหน้ากลุ่มงานหลักสูตรทันตสาธารณสุข |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลยะลา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 400 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : ระบุ |
||
กลุ่มวัยทำงาน | 400 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 16 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัญหาด้านทันตสุขภาพเป็นปัญหาสำคัญที่พบมากในนักเรียนประถมศึกษา เมื่อเทียบกับโรคอื่นๆ ที่ตรวจพบในกลุ่มเดียวกันและปัญหาด้านทันตสุขภาพนั้น นอกจากจะมีผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพช่องปากของเด็กแล้วยังมีผลกระทบต่อการเรียนและพัฒนาการของเด็กนักเรียนประถมศึกษาอยู่ในช่วงอายุ 6-12 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีฟันแท้ขึ้นใหม่ๆ ลักษณะรูปร่างฟันมีหลุมร่องลึกทำให้เกิดโรคฟันผุได้ง่ายนอกจากอุปนิสัยของเด็กที่ชอบรับประทานอาหารของหวาน ตลอดจนมีข้อจำกัดในเรื่องความสามารถในการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเองล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคในช่องปากได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดีพอ โรคในช่องปากเป็นโรคที่สามารถป้องกันและสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเริ่มต้นส่งเสริมตั้งแต่วัยเด็ก การฝึกฝนให้เด็กมีทันตสุขนิสัยที่ดี และการส่งเสริมและป้องกันรวมทั้งการบำบัดรักษาในระยะแรกของการเป็นโรคจะช่วยป้องกันและควบคุมโรคในช่องปากของเด็กได้ จากผลการสำรวจด้านสภาวะสุขภาพช่องปาก ครั้งที่ 8 พบว่า ความชุกของโรคฟันผุในเด็กอายุ 12 ปี คือร้อยละ 52.0 โดยมีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 1.4 ซี่/คน และพบว่ามีสภาวะเหงือกอักเสบสูงกว่าการสำรวจในครั้งที่ 7 พ.ศ. 2555 จากร้อยละ 50.3 เป็นร้อยละ 66.3 ด้านพฤติกรรมทันตสุขภาพและการรับบริการสุขภาพช่องปากของนักเรียน ปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อสภาวะเหงือกอักเสบคือ พฤติกรรมการแปรงฟันซึ่งพบว่าร้อยละของการแปรงฟันหลังอาหารกลางวันของเด็กอายุ 12 ปี ลดลงจากร้อยละ 53.9 เป็นร้อยละ 44.7 เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจครั้งที่ผ่านมา ส่วนประเด็นพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุในเด็กกลุ่มนี้ คือ พฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลมและน้ำหวาน การกินลูกอม และการกินขนมกรุบกรอบ พบว่าเด็กดื่มน้ำอัดลมและกินขนมกรุบกรอบทุกวัน (สำนักทันตสาธารณสุข, 2561) ประกอบกับผลการสำรวจสุขภาพช่องปากจากระบบ HDC สาขาสุขภาพช่องปากของจังหวัดยะลา พบว่าร้อยละเด็กกลุ่มอายุ 12 ปีมีฟันผุในฟันแท้ ร้อยละ 42.47 มีเด็กในอำเภอเมืองยะลามีฟันแท้ผุ 29.08 ส่วนผลสำรวจฟันผุในโรงเรียนเขตเทศบาลนครยะลาในปีการศึกษา 2561 พบว่านักเรียนในโรงเรียนเทศบาล 1, เทศบาล 2, เทศบาล 3, เทศบาล 4, เทศบาล 5 และเทศบาล 6 มีฟันผุร้อยละ 52.31, 48.95, 39.75, 38.87, 39.73 และ 46.45 ตามลำดับ (กลุ่มงานทันตกรรม เทศบาลนครยะลา, 2562) จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความชุกของโรคฟันผุในนักเรียนยังสูงอยู่ กิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในนักเรียน เพื่อป้องกันการเกิดโรคฟันผุนับว่าสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ซึ่งในพื้นทีโรงเรียนเทศบาล 1 และเทศบาล 2 ทันตบุคลากรได้เข้าดำเนินกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพแล้ว จึงมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาล 4, เทศบาล 5 และเทศบาล 6 เพื่อพัฒนาศักยภาพนักเรียนในการดูแลสุขภาพช่องปาก เสริมสร้างทักษะการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากคณะครูในโรงเรียนให้มีความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากนักเรียน เพื่อสามารถให้คำแนะนำแก่นักเรียนได้ ซึ่งกิจกรรมในโครงการมีการอบรมให้ความรู้ ฝึกทักษะลงมือปฏิบัติจริง รวมถึงกิจกรรมการสร้างสื่อการเรียนรู้ด้านทันตสุขภาพด้วยตนเองเพื่อสร้างความตระหนัก สามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการดูแลตนเอง แนะนำกลุ่มเพื่อน ตลอดจนผู้ใกล้ชิด และเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กที่ดี ลดการเกิดโรคฟันผุในกลุ่มวัยเรียน ในพื้นที่จังหวัดยะลาต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ข้อที่ 1 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องโรคในช่องปาก และแนวทางการดูแลสุขภาพช่องปาก ข้อที่ 1 ร้อยละ 80 ของนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคในช่องปาก และแนวทางการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีในระดับดี |
0.00 | |
2 | ข้อที่ 2 เพื่อให้นักเรียนสามารถแปรงฟันได้ถูกต้องและเหมาะสมได้ ข้อที่ 2 ร้อยละ 100 ของนักเรียนสามารถแปรงฟันได้ถูกต้องและเหมาะสมผ่านเกณฑ์ทุกข้อของการประเมิน |
0.00 | |
3 | ข้อที่ 3 เพื่อให้นักเรียนได้รับการตรวจฟัน ข้อที่ 3 ร้อยละ 100 ของนักเรียนได้รับการตรวจฟัน |
0.00 | |
4 | ข้อที่ 4 เพื่อประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ข้อที่ 4 ร้อยละ 80 ของนักเรียนไม่มีรอยผุใหม่ |
0.00 | |
5 | ข้อ 5 เพื่อประเมินประสิทธิผลหลังจากดำเนินงานของโครงการฯ 3 เดือน ข้อที่ 5 ร้อยละ 80 นักเรียนมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมในระดับดีขึ้นไป |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 91,940.00 | 0 | 0.00 | |
??/??/???? | กิจกรรมที่ 1 จัดประชุมการดำเนินงานเพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหา และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดกิจกรรม เป้าหมาย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกับครู และตัวแทนนักเรียน จำนวน 4 โรงเรียน ๆ ละ 20 คน รวมทั้งหมด 80 คน ระยะเวลา ครึ่งวัน | 0 | 4,800.00 | - | ||
??/??/???? | กิจกรรมที่ 2 การอบรมให้ความรู้เรื่องโรคในช่องปาก และแนวทางการดูแลสุขภาพช่องปาก โรงเรียนละครึ่งวัน เป้าหมาย นักเรียนและครูในโรงเรียน จำนวน 4 โรงเรียน ๆ ละ 100 คน รวมทั้งหมด 400 คน | 0 | 46,000.00 | - | ||
??/??/???? | กิจกรรมที่ 3 อบรมให้ความรู้เรื่องการแปรงฟันอย่างมีคุณภาพ และฝึกทักษะการแปรงฟันที่เหมาะสม ร่วมกันจัดทำโมเดลฟันจำลองเพื่อเป็นสื่อการสอนแปรงฟัน ระยะเวลาครึ่งวัน เป้าหมาย นักเรียนและครูในโรงเรียน จำนวน 4 โรงเรียนๆ ละ 100 คน รวมทั้งหมด 400 คน | 0 | 41,140.00 | - | ||
??/??/???? | กิจกรรมที่ 4 ประเมินประสิทธิผลหลังจากดำเนินงานของโครงการฯ 3 เดือน | 0 | 0.00 | - |
- สามารถลดอุบัติการณ์การเกิดโรคฟันผุในเด็ก
- เป็นแนวทางการป้องกัน และการส่งต่อเพื่อให้เด็กที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากได้รับการรักษาตามความเหมาะสม
- การให้ข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำกับโรงเรียนในเชิงนโยบายเกี่ยวกับการบรรจุเนื้อหาความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากไว้ในหลักสูตร หรือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนการสอนอย่างชัดเจน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 11:31 น.