โครงการ ส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์
ชื่อโครงการ | โครงการ ส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ |
รหัสโครงการ | 63-l1483-4-9 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางด้วน |
วันที่อนุมัติ | 25 พฤศจิกายน 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 12 มิถุนายน 2563 - 12 มิถุนายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 10,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.35,99.699place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 60 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีปัญหาเด็กติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะพ่อ แม่ขาดความเข้าใจ เลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ ให้เล่นเกมเพื่อจะได้อยู่นิ่งๆ และอยู่ในสายตาการปล่อยให้ลูกเล่นมือถือและทิ้งลูกอยู่กับหน้าจอเพียงลำพังนานเกินวันละหลายชั่วโมง อาจส่งผลให้เด็กจดจ่อกับเรื่องราวที่ผ่านตาเร็วเกินไป และไม่ยอมละสายตาเพื่อสนใจกับสิ่งรอบตัวอื่นรอบข้าง ด้วยการเคลื่อนไหวในสื่อต่าง ๆ บนหน้าจอมือถือหรือแท็ปเล็ตที่เปลี่ยนแปลงและมีความรวดเร็ว จะทำให้เกิดปัญหาการใช้สมองในส่วนความทรงจำลดลง และหากปล่อยให้ลูกเล่นเช่นนี้เป็นประจำทุกวันจะสะสมให้เด็กเกิดอาการ “สมาธิสั้น” ได้ จากสถิติเด็กอายุ 6-12 ปี ที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นในประเทศไทยซึ่งจัดเก็บตั้งแต่ปี 2555 พบว่า มีเด็กป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นมากถึง 1 ล้านคน พบในเด็กผู้ชายมากถึงร้อยละ 12 มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่พบร้อยละ 10 โดยอาการสมาธิสั้นส่วนใหญ่พบในเด็กอายุก่อน 7 ปี และจะมีอาการต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน ซึ่งในประเทศไทยพบความชุกของโรคในเด็กนักเรียนชั้น ป.1-5 ถึงร้อยละ 8.1 ประมาณการได้ว่ามีเด็กนักเรียนชั้น ป.1-5 ทั่วประเทศป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นถึง 1 ล้านคน และมักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ในอัตราส่วน 3:1 และหากไม่ได้รับการวินิจฉัย รักษา และปรับพฤติกรรมอย่างถูกต้อง เด็กจะมีโอกาสไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน เกิดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมากกว่าเด็กปกติ มีปัญหาการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ฯลฯ และส่งผลเป็นปัญหาระยะยาว เช่น กลายเป็นคนต่อต้านสังคม มีความเสี่ยงติดยาเสพติด เกิดภาวะซึมเศร้าและหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ต้นจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านลบ และติดตัวไปจนถึงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่รพ.สต.บางด้วน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ เพื่อให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองเด็กที่มีพัฒนาการผิดปกติ และส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยโดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง เพื่อหลีกเลี่ยงโทษและปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตกับเด็กที่มาจากการติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ จนกลายเป็นโรคสมาธิสั้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการผิดปกติ และการกระตุ้นส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมะสมตามวัย 2.เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย จำนวนผู้ปกครองที่เข้าร่วมโครงการ |
60.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 60 | 10,000.00 | 1 | 10,000.00 | |
15 ก.ย. 63 | โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ | 60 | 10,000.00 | ✔ | 10,000.00 |
1.ประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในรพ.สต.บางด้วน เพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของโครงการ
2.ประชุมอสมและกำหนดกลุ่มเป้าหมายในเขตรับผิดชอบ
3.วิเคราะห์ปัญหาที่พบและจัดทำแผนการดำเนินงาน
4.เขียนแผน/โครงการ เพื่อเสนออนุมัติ
5.ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6.ประชาสัมพันธ์โครงการภายในชุมชน
7.ดำเนินงานตามโครงการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการเด็กทั้ง 4 ด้านป้องกันภาวะเรียนรู้ช้า สมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์
8.สรุปผลตามโครงการ
- สามารถทำให้ผู้ปกครองเด็กมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กที่มีพัฒนาการผิดปกติและ กระตุ้น ส่งเสริมเด็กให้มีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย 2.สามารถทำให้ผู้ปกครองได้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังติดตามพัฒนาการของเด็กและส่งเสริมดูแลเด็กให้มีพัฒนาการสมวัย
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 14:05 น.