โครงการเด็กวัยเรียน อนามัยดี ไม่มีเหาปีงบประมาณ 2563
ชื่อโครงการ | โครงการเด็กวัยเรียน อนามัยดี ไม่มีเหาปีงบประมาณ 2563 |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสิรมสุขภาพตำบลกระดังงา |
วันที่อนุมัติ | 12 ธันวาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2563 - 29 กุมภาพันธ์ 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 มีนาคม 2563 |
งบประมาณ | 14,075.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวมิหล๊ะ สุระคำแหง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกระดังงา อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.509,100.427place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 95 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
เหา หรือที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Pediculus humanus เป็นแมลงในกลุ่มปรสิต อาศัยอยู่บนร่างกายคนและดำรงชีวิตด้วยการกินขี้โคลบนหนังสือศรีษะของคนเรา เหามีมากกว่า 3,000 ชนิด ซึ่งบางส่วนเป็นปรสิตที่อยู่ในสัตว์ แต่ที่เป็นชนิดที่อยู่ในคนนั้นมีเพียงแค่ 3 ชนิด ได้แก่ เหาที่อยุุู่บนศรีษะ เหาที่เกาะอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และเหาที่บริเวณอวัยวะเพศ หรือโลน โดยเหาแต่ละชนิดจะอาศัยอยุ่ในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย อาทิเช่น บนศรีษะ บนร่างกาย และบริเวณอวัยวะเพศ เหาสามารถแพร่ะกระจายจากคนสู่คนได้ โดยการอยู่ใกล้ชิดและคลุกคลีกับผู้ที่เป็นโรคเหา จึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคเหานั้นก็มักจะถูกสังคมรังเกียจ ซึ่งอาการที่มักจะพบได้จากคนที่เป็นเหาก็คืออาการคันและเป็นแผลติดเชื้อบนหนังสือศรีษะ อันเนื่องมาจากการระคายเคือง นอกจากนี้เหายังชอบวางไข่เอาไว้ตามเส้นผมของเราจนทำให้เห็นเป็นจุดขาวๆ ตามเส้นผม แถมยังเกาะแน่นอีกด้วย โดยจะไม่หลุดไปถึงแม่้ว่าจะหายเป็นเหาแล้วก็ตาม โรคเหาเป็นโรคที่พบกันบ่อยมากในกลุ่มนักเรียนตั้งแต่ชั้นปฐมวัยจนถึงประถมศึกษาโดยจากการสำรวจนักเรียนในโรงเรียนวัดกลาง พบว่า มีนักเรียนติดเหา จำนวน 82 คน คิดเป็น 45.30 % และโรงเรียนวัดกระดังงาติดเหาจำนวน 13 คน คิดเป็น 33.33% ซึ่งโรคเหานับเป็นโรคที่น่ารังเกียจ สำหรับคนทั่วไป นอกจากก่อให้เกิดความรำค่าญกับผู้ที่เป็นเนื่องจากมีอาการคันศรีษะแล้วยังทำให้เสียสมาธิในการเรียน เสียบุคลิกภาพ และยังเป็นพาหะนำไปติดผู้อื่นต่อไป วิธีการรักษาเหา จะต้องทำการรักษาผู้ที่เป็นเหาและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควบคุู่กันไป โดยต้องทำการควบคุมไม่ให้เหาแพร่กระจาย และป้องกันไม่ให้เกิดการติดเหาซ้ำโดยใช้ยาเพื่อฆ่าเหาซึ่งยามีทั้งในรูปครีม เจล หรือโลชั่น ซึ่งวิธีการรักษาเหาในรูปแบบดังกล่าวเป็นวิธีการที่ทำได้ง่าย และเห็นผลชัดเจน ดังนั้น รพ.สต.กระดังงา ได้เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพของนักเรียนที่เป็นโรคเหา จึงได้จัดทำโครงการเด็กวัยเรียน อนามัยดี ไม่มีเหาปีงบประมาณ 2563 ขึ้นเพื่อกำจัดเหานักเรียนในโรงเรียนวัดกลาง และโรงเรียนวัดกระดังงา
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้นักเรียนหญิงสามารถดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองได้ถูกต้อง 2. เพื่อลดอัตราการเกิดเหาในเด็กวัยเรียนหญิง 1.ร้อยละ 70 ของเด็กนักเรียนหญิงหายจากการเป็นเหา 2.ร้อยละ 90 ของเด็กนักเรียนหญิงสามารถดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองได้ถูกต้อง |
0.00 |
1.ประชุมวางแผนเจ้าหน้าที่และครูผู้รับผิดชอบงานอนามัยโรงเรียน เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและจำนวนกลุ่มเป้าหมาย 2.มอบหมาย หน้าที่ในการดำเนินการตามแผนงานโครงการ 3.ประสานดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4.จัดทำโครงการเพื่อขออนุมัติ 5.สำรวจเด็กนักเรียนที่เป็นเหาโดยครูประจำชั้น 6.ให้ความรู้เรื่องการดูแลความสะอาดของร่างกาย 7.ทำหนังสือแจ้งผู้ปกครองเพื่อขออนุญาตกำจัดเหาในเด็กนักเรียน 8.ดำเนินการกำจัดเหาในเด็กนักเรียนโดยทำติดต่อกันจำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 2 สัปดาห์โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ ดังนี้ หวีเสนียด ถุงมือ หมวกคลุมผม ผ้าขนหนูผืนเล็กพันศรีษะ น้ำยาสระผมกำจัดเหา และหวีไฟฟ้ากำจัดเหา 9.ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน 10.สรุปผลการดำเนินงานโครงการ
เด็กนักเรียนหญิงมีความตระหนักถึงผลกระทบต่อการเป็นเหาและเปลียนแปลงพฤติกรรมในการรักษาความสะอาดร่างกายที่ถูกต้อง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2562 14:50 น.