โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ รู้ตน ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค ประจำปี 2563
ชื่อโครงการ | โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ รู้ตน ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค ประจำปี 2563 |
รหัสโครงการ | 63-L1475-01-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านมาบบอน |
วันที่อนุมัติ | 8 มกราคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 38,430.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางจิตรา ด้วงชู |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางวลัยภรณ์ เยาดำ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.532,99.71place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 224 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 5 โรค (โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง) ในปี 2561 สูงถึง 25,225 ล้านบาทต่อปี และเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 2,465 ล้านบาทต่อปี ประมาณการจำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 10 ล้านคน จะสูญเสียค่ารักษาทั้งสิ้น 79,263 ล้านบาทต่อปี ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของประชากร ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรผลต่อความยากจนทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคม ดังนั้น การสนับสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญใส่ใจในการดูแลสุขภาพของตนเองและรู้ค่าตัวเลขระดับความดันโลหิตสูงของตนเอง จะทำให้เกิดความตระหนักในการป้องกันควบคุมและลดความรุนแรงของโรคได้ ทั้งนี้ วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ (1) การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน มัน เค็มจัด (2) ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 150 นาทีต่อสัปดาห์ (3) งดการสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา (4) ควรรับการตรวจวัดค่าระดับความดันโลหิตเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ (5) การทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ (กรมควบคุมโรค, 2561) จากผลการคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงประชาชนในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมาบบอน ปี 2562 พบว่า มีกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 124 คน คิดเป็นร้อยละ 9.20 สงสัยป่วย 28 คน คิดเป็นร้อยละ 2.08 กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน จำนวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 3.90 และสงสัยป่วย 8 คน คิดเป็นร้อยละ 0.49 ดังนั้น ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขให้ได้ผลทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จำเป็นต้องพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อ ค่านิยม และทักษะที่จำเป็นด้านสุขภาพ ตลอดจนการจัดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งนี้หลักสำคัญในการดูแลสุขภาพเพื่อก้าวสู่การมีสุขภาพดี คือ การดูแลและให้ความรู้ด้านโภชนาการอาหาร การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกชนิด ปริมาณ และถูกเวลา ควรเลือกบริโภคอาหารให้ครบ ๕ หมู่ มีความหลากหลายและพอเพียง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อควบคุมกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงไม่ให้เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 2. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3อ2ส ได้อย่างถูกต้อง 3. เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย และเป็นแบบอย่างด้านสุขภาพในชุมชน
|
1.00 |
- คัดกรองประเมินภาวะสุขภาพเบื้องต้น และภาวะอ้วนลงพุงโดยอสม. เพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยง
- เขียนโครงการ และกำหนดแผนปฏิบัติงาน
- ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายทราบ
- อบบรมให้ความรู้กลุ่มเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
- ติดตามประเมินผลกลุ่มเสี่ยงหลังเข้าร่วมโครงการ ทุก 3 เดือน
- ประชากรกลุ่มเสี่ยงเบาหวานความดันมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถควบคุม และดูแลตนเองไม่ให้ป่วยเป็นผู้ป่วยรายใหม่
- ประชากรกลุ่มเสี่ยงเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
- ประชากรกลุ่มเสี่ยงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3อ2ส ได้อย่างถูกต้อง และเป็นแบบอย่างในการส่งเสริมสุขภาพให้กับชุมชนได้
- ประชากรกลุ่มเสี่ยงเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2563 13:10 น.