เฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ในพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 5 ตำบลชัยบุรี
ชื่อโครงการ | เฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ในพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 5 ตำบลชัยบุรี |
รหัสโครงการ | 63-L3352-1-07 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านอ้ายน้อย |
วันที่อนุมัติ | 28 มกราคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2563 |
งบประมาณ | 7,018.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางกนกพร ศรีรัตนพันธ์ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.697,100.093place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศเกษตรกรรมประเทศหนึ่ง ที่สามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรสำหรับบริโภคภายในประเทศได้อย่างพอเพียง อีกทั้งยังมีผลผลิตส่งเป็นสินค้าออก นำเงินรายได้เข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศในแต่ละปีคิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท จึงทำให้เกษตรกรให้ความสนใจเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีการเพิ่มผลผลิตที่เกษตรกรนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด คือ การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงอันตรายและวิธีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ประกอบกับศัตรูพืชมีการดื้อยา จึงมีการใช้สารเคมีแรงขึ้น มีความเข้มข้นสูงขึ้น ใช้บ่อยครั้งมากขึ้น หรือผสมสารเคมี 2 ชนิดขึ้นไป ทำให้ผู้ใช้สารเคมีมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แนวโน้มสถานการณ์ปัญหาการป่วยด้วยพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจึงมีแนวโน้มที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนมากขึ้น อันตรายจากสารเคมีจะมีผลต่อร่างกายหลายอย่าง อาทิเช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอื่นๆ ซึ่งส่งผลระยะยาวทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ
ตำบลชัยบุรี เป็นตำบลหนึ่งที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรมากถึงร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำนาปี นาปรัง ปลูกผัก ผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืชจึงกระจายและขยายเป็นวงกว้างและยังอยู่ในระดับที่รุนแรง จากข้อมูลดังกล่าว แสดงว่าเกษตรกรในเขตตำบลชัยบุรี ยังคงมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่เป็นจำนวนมาก และนำมาใช้ไม่ถูกวิธีหรือขาดความรู้ จึงทำให้มีผลกระทบกับสุขภาพโดยตรง
จากการดำเนินโครงการเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ปี 2562 มีประชาชนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด จำนวน 116 คน ผลการตรวจพบว่า ไม่มีสารเคมีตกค้างในเลือดระดับปกติ 12 คนระดับปลอดภัย 22 คน มีความเสี่ยง 76 คน ไม่ปลอดภัย 6 คน คิดเป็น ร้อยละ 10.34, 18.97,65.52และ5.17 ตามลำดับ และคนที่มีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จำนวน 50 คน ได้รับการตรวจหาสารเคมีในเลือดครั้งที่ 2 พบว่า ผลปกติ 3 คน ร้อยละ 2.59 ปลอดภัย 9 คนร้อยละ7.79 มีความเสี่ยง และไม่ปลอดภัย คิดเป็น 32.76
ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านอ้ายน้อย จึงเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพเกษตรกรในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ต่อเนื่องในปี ๒๕63 ในพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 5 ตำบลชัยบุรี เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่รับผิดชอบได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือด เพื่อเฝ้าระวังสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด และเฝ้าระวังภาวะสุขภาพต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้เกษตรกลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการใช้สารเคมีที่ปลอดภัย กลุ่มเป้าหมายได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯร้อยละ 90 |
0.00 | |
2 | 2 เพื่อให้เกษตรกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทดสอบความรู้ก่อนและหลังการอบรม มีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 |
0.00 | |
3 | 3 เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด กลุ่มเป้าหมาย ได้รับการตรวจฯ 100 คน และกลุ่มเสี่ยงมีระดับสารเคมีตกค้างในเลือดอยู่ในระดับปกติและปลอดภัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 100 | 7,018.00 | 5 | 7,018.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 1.ค่าวัสดุการตรวจคลอลีนเอสเตอเรสในเลือด ขอรับการสนับสนุน จาก สสอ.เมืองพัทลุง รพ.พัทลุง | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 2.ค่าเข็มเจาะปลายนิ้วกลุ่มเป้าหมาย | 100 | 400.00 | ✔ | 400.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 3.ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม สำหรับการอบรมกลุ่มเป้าหมาย | 0 | 2,500.00 | ✔ | 2,500.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 4.ค่าสมนาคุณวิทยากรในการอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย | 0 | 3,600.00 | ✔ | 3,600.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 5.ค่าป้ายไวนิลโครงการ | 0 | 518.00 | ✔ | 518.00 |
1.เสนอแผนงาน/โครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ 2.สำรวจพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและประเมินผล 3.ประชาสัมพันธ์โครงการ 4.จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ 5.ดำเนินการเจาะเลือดตรวจหาสารเคมีตกค้างในกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเป้าหมาย 6.จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงและการป้องกันการใช้สารเคมีที่ปลอดภัย 7.ติดตามเจาะเลือดสารเคมี ซ้ำครั้งที่ 2ในกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเป้าหมายที่ผลอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย 8. สรุปผลการดำเนินโครงการ และรายงานผลให้กองทุนฯ ทราบ
1.เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายได้รับการเจาะเลือดตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด 2.เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่มีระดับสารเคมีในเลือดระดับไม่ปลอดภัย ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร้อยละ90 3.เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงมีระดับสารเคมีในเลือดระดับเกณฑ์ปกติและปลอดภัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 4. ประชาชนมีความตระหนักในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย ลดการเจ็บป่วยที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2563 11:04 น.