โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ชมรม อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่ที่ 1 บ้านกะลาเส
ชื่อโครงการ | โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ชมรม อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่ที่ 1 บ้านกะลาเส |
รหัสโครงการ | 63-L1521-5-24 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 5 สนับสนุนกรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติ |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่ที่ ๑ บ้านกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง |
วันที่อนุมัติ | 18 กุมภาพันธ์ 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2563 - 31 สิงหาคม 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 15 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 14,880.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | เงินสนับสนุนการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐาน หมู่ที่ 1 บ้านกะลาเส โดย นางมาลี พรมบังเกิดสนับสนุน |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ม.1 บ้านกะลาเส ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.744,99.326place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 มี.ค. 2563 | 31 ส.ค. 2563 | 14,880.00 | |||
รวมงบประมาณ | 14,880.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิค 2019 ซึ่งมีการประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้โรคไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 เป็นโรคร้ายแรง ทำให้เกิดการตื่นตระหนกของประชาชนทั่วโลกและคนไทย ซึ่งพบการระบาดไปในหลายประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม อย่างรุนแรง สถานการณ์การระบาดกำลังแพร่กระจายยังไม่สามารถควบคุมได้ สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ณ วันที่ 25 มี.ค. 2563 107 ราย ติดเชื้อเพิ่ม (ยอดรวม 934 ราย) 860 รายรักษาตัวในโรงพยาบาล 70 รายรักษาหายกลับบ้านแล้ว 4 รายเสียชีวิต พบในเพศชายมากกว่าที่ 62.7% ในขณะที่ผู้หญิง 37.3% ผู้ป่วย 1 ใน 5 เป็นผู้ที่ไม่มีการแสดงอาการแต่อย่างใดผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 347 ราย ในต่างจังหวัด 93 ราย เขตพื้นที่ภาคใต้ 46 ราย ซึ่งขณะนี้มีการกระจายแทบทุกภาคแล้ว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสนามมวย สถานบริการ และประกอบอาชีพเสี่ยง พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า ในผู้ป่วยโรคโควิด-19 จากการเก็บสถิติทั่วโลกนั้น80% มีอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา (อาการไม่รุนแรง ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ)7-15% เริ่มมีอาการปอดอักเสบ ซึ่งจะเป็นระยะที่มีการให้ยาต้านไวรัส (ไทยพบประมาณ 9%)3-5% ผู้ที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง จนนำมาสู่การเสียชีวิต4% (ไทยพบอัตราการเสียชีวิตประมาณ 0.4%) พญ.ปฐมพร ยังชี้ว่าผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงนั้นได้แก่ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และมีโรคประจำตัว เช่น ภาวะอ้วน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจวาย โรคไตเรื้อรัง โรคตับแข็ง และโรคเบาหวาน
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ในจังหวัดตรังนพ.บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ตรัง กล่าวว่า ข้อมูลยืนยันในวันที่๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓ มีผู้ป่วยที่สอบสวนโรคทั้งหมด 36 ราย ตอนนี้ก็ได้ผลการตรวจตอนนี้ก็มีเป็นผู้ป่วยยืนยัน ว่าติดเชื้อ จำนวน 1 ราย ส่วนอีก 35 ราย ไม่พบเชื้อ
และจากกรณีที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการประกาศปิดชั่วคราวสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 หรือล็อคดาวน์ ทำให้มีประชาชนที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความวิตกกังวลว่าจะทำให้การแพร่เชื้อระบาดเพิ่มมากขึ้นและได้มีการสั่งให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบว่า บ้านหลังไหนมีญาติกลับมาจากกทม. ให้รีบแจ้งต่อต่ออสม. ในพื้นที่ของตนเอง และให้มีการกักตัวอยู่บ้าน 14 วันตามมาตรการเดียวกับการกลับจากต่างประเทศ โดยไม่มีข้อยกเว้น ทำให้อสมเป็นด่านหนึ่งที่มีภาวะเสี่ยงในการเกิดโรค
ดังนั้น มาตรการการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ถือว่าจำเป็นและสำคัญยิ่งด้วยการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายเพื่อมิให้ป่วย การป้องกันตนเอง เช่น หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในประเทศที่มีภาวะเสี่ยง หรือสถานที่มีคนพลุกพล่าน การล้างมือให้สะอาดอย่างถูกต้อง ทั้งด้วยแอลกอฮอล์เจลหรือ สบู่ การสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีการ การไม่นำเอามือมาป้ายหรือ จับหน้า และการวัดอุณหภูมิเช็คว่าตัวเองมีไข้ก็เป็นการป้องกันตนเอง ชมรมอาสมัครสาธารณสุข หมู่ที่๑บ้านกะลาเส ซึ่งเป็นกลุ่มแกนนำด้านสุขภาพ และใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ จึงได้ จัดทำโครงการเฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ขึ้น เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค และสามารถป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการติดต่อของโรคนี้ได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ๑. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ในพื้นที่
๒.เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงที่เฝ้าระวังการติดเชื้อ สามารถลดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ๑.ไม่มีผู้ป่วยตายด้วยโรคโควิด-19 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 23 | 14,880.00 | 0 | 0.00 | |
1 มี.ค. 63 - 31 ส.ค. 63 | คัดกรองกลุ่มเสี่ยง ดูแล ติดตาม เฝ้าระวังโรคเบื้องต้น ลดการเกิดและการระบาดของโรคติดต่อในชุมชน | 23 | 14,880.00 | - |
๑.ประชุมชี้แจงนำเสนอโครงการ
๒.จัดทำแผนงานโครงการ เพื่อเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุน
๓.จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับการดำเนินงานตามโครงการฯ
๔.ดำเนินการบูรณาการกับหน่วยงาน ผู้นำชุมชน และกลุ่มองค์กรต่าง ๆ เช่น รพ.สต.บ้านกะลาเส, ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ
๕.สำรวจกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเสี่ยง ที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ในพื้นที่
๖. คัดกรองกลุ่มเสี่ยง ดูแล ติดตาม เฝ้าระวังโรคเบื้องต้น ลดการเกิดและการระบาดของโรคติดต่อในชุมชน ๗.เพื่อให้สร้างองค์ความรู้ให้กลุ่มเสี่ยง เรื่องการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-๑๙)
๘. ประเมินผล และสรุปผลการดำเนินงาน
๙. ดำเนินการตามโครงการ
๑๐. สรุปและประเมินผลโครงการ
๑. การเฝ้าระวังโรคสามารถลดการเกิดและการระบาดของโรคติดต่อในชุมชนได้
๒. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่มีความรู้ในการดูแลตนเอง และสามารถป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) อย่างถูกต้อง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2563 15:54 น.