แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
หน่วยบริการปฐมภูมิสถานพยาบาลเรือนจำกลางยะลา
เรือนจำกลางยะลา
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่องสิทธิของผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับบริการ สาธารณสุขจากรัฐ กรณีการเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แพทย์สภา และสภาการพยาบาล เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว ทั้งนี้ผู้ต้องขังในเรือนจำควรได้รับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอันมีมาตรฐานและประสิทธิภาพที่พึงจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ปัญหาประการหนึ่งคือ ผู้ต้องขังถูกแยกตามกองงานในเวลาทำการและในห้องขังในช่วงเวลากลางคืนประกอบกับบุคลากรทางการแพทย์มีจำนวนไม่เพียงพออาจทำให้ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยเข้าไม่ถึงบริการด้านสุขภาพตามสิทธิของตนได้และเกิดความล้าช้าหรือไม่ทันการรักษา ผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จึงได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ปี พุทธศักราช 2561 ขึ้น เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ให้มีความรู้ ความเข้าใจ เฝ้าระวัง คัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ดูแลช่วยเหลือและถ่ายทอดความรู้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตลอดจนดูแลสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมในกลุ่มผู้ต้องขัง การจัดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ ให้ทำหน้าที่ คัดกรองเบื้องต้น รวมถึงการส่งเสริมและป้องกันโรคอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเสมอภาค จึงเป็นแนวทางสำคัญต่อการดูแลสุขภาพของเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ (อสรจ.)
เรือนจำกลางยะลา มีเจ้าหน้าที่พยาบาล 2 คน ในจำนวน 2,279 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 เมษายน 2564) ซึ่งอัตรากำลังไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้ต้องขังทั้งหมด ทั้งนี้มี อสรจ. จำนวน 60 คน ดูแลผู้ต้องขังอัตรา 1/50 คน ซึ่งผู้ต้องขังเรือนจำกลางยะลามีอาการป่วยเป็นจำนวนมาก ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ปัญหาสุขภาพจิต และอื่นๆ ซึ่งพยาบาลไม่สามารถดูแลควบคุมผู้ต้องขังได้ทั้งหมด จากข้อมูลสุขภาพ ในปี 2563 พบว่าผู้ต้องขังป่วยด้วยโรควัณโรคปอดรายใหม่และกลับเป็นซํ้าที่นํามาประเมินอัตราความสําเร็จการรักษา รักษาหาย/รักษาครบ จํานวน 10 ราย ร้อยละ 100 อยู่ระหว่างการรักษา 7 ราย คิดเป็นร้อยละ 70 ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องผู้คุมขังชายจำนวน 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.50 ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องผู้คุมขังหญิง จำนวน 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.3 ส่วนการคัดกรองโรคไม่ติดต่อพบว่า ผู้คุมขังชายทั้งหมด 1,972 รายพบ ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 91 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.61 พบป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงทั้งหมด 152 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.70 คุมขังหญิงทั้งหมด 150 ราย พบป่วยโรคความดันโลหิตสูง 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.30 พบป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ทั้งหมด 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.6 (เรือนจำกลางยะลา,2563) สถานพยาบาลจึงได้จัดทำโครงการอบรมให้ความรู้อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางยะลา เพื่อให้ อสรจ. สามารถเข้าใจเรื่องโรคและปัญหาของผู้ต้องขัง การดูแลรักษาอาการเบื้องต้นตลอดจนเฝ้าระวัง การดูแลสุขภาพ ควบคุมโรค ป้องกันโรคเบื้องต้นในเรือนจำได้
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 18/08/2021
กำหนดเสร็จ 30/09/2021
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และพฤติกรรมสุขภาพ (Health Behavior) ที่เหมาะสม
2. สามารถเป็นแกนนำในงานส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลเบื้องต้น และการฟื้นฟูสุขภาพตลอดจนเฝ้าระวังสุขภาพและคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นได้
3. สามารถสื่อสารโน้มน้าวให้ผู้ต้องขังตื่นตัวและรับผิดชอบต่อตนเองในการเฝ้าระวังดูแลสุขภาพตนเอง ชุมชนและสภาพแวดล้อมของสังคม
4. สามารถสร้างโอกาสให้กลุ่มผู้ต้องขังเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสุขภาพอนามัยของตนเองและชุมชน