แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลทุ่งหว้า
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลทุ่งหว้า
กองการศึกษา เทศบาลตำบลทุ่งหว้า
กองการศึกษา เทศบาลตำบลทุ่งหว้า
เทศบาลตำบลทุ่งหว้า
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
ในสภาวะสังคมปัจจุบัน วิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนคนไทย เข้าสู่สภาวะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอยู่ การดำเนินชีวิตประจำวันถูกครอบงำด้วยวิถีสังคมแบบโลกตะวันตก และสังคมเมือง พฤติการณ์การบริโภคอาหารสำเร็จรูป อาหารจำพวกแป้ง และอาหารขยะที่มีคุณค่าทางโภชนาการตามกระแสนิยมและสื่อโฆษณาต่าง ๆ การผลิตอาหารของผู้ประกอบการที่มีการแข่งขัน ทำให้ต้องใช้สารเคมีชนิดต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพื่อเร่งผลผลิตให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคจนขาดการตระหนักถึงสารเคมีตกค้างที่อาจสะสมในร่างกาย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าคนไทย พฤติกรรมสุขภาพของประชากร ปี 2564 สำรวจ 84,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ พบว่า พฤติกรรมของคนไทยที่นิยมรับประทานเป็นประจำ หรือความถี่ 3-7 วันต่อสัปดาห์คือ อาหารไขมันสูง 42% อาหารแปรรูป 39% และเครื่องดื่มเติมน้ำตาลบรรจุขวดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 34% สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยกำลังขาดความมั่นคงทางอาหาร และยังเสี่ยงต่อการป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ในระยะยาว วัยเด็กวัยเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยง เรียกว่าตั้งแต่เกิด เราเจอปัญหาเด็กรุ่นใหม่ที่ได้กินนมแม่มีแค่ 17-25% ทั้งที่นมแม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ส่วนพฤติกรรมการบริโภคของเด็กไทยกินหวาน มันเค็มมากขึ้นจนมีภาวะอ้วน ทั้งยังไม่มีกิจกรรมทางกาย เมื่อโตขึ้นก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วน และเผชิญโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยเฉพาะโรค NCDs" จากพฤติกรรมดังกล่าวของประชาชนพบว่าประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาโรคติดต่อเรื้อรังที่สามารถป้องกันได้หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ๕ โรค ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง ซึ่งมีแนวโน้มและสถานการณ์เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องเผชิญกับกระแสโลกาภิวัฒน์ระบบทุนนิยมที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางด้านวัตถุ เกิดความเสื่อมถอย และล่มสลายของสถาบันครอบครัว สถานบันทางสังคม การดำเนินธุรกิจที่ขาดความรับผิดชอบ เกิดค่านิยม วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่เพียงพอ และขาดความสมดุล สภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย ขาดการใส่ใจดูแลและควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมบริโภคไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย เกิดจากความเครียดไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมหาทางออกโดยการกินอาหาร สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ทำให้มีภาวะน้ำหนักเกิน และอ้วน เป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกิดจากการดำเนินวิถีชีวิต หากไม่หยุดยั้งปัญหาได้จะทำให้เกิดการเจ็บป่วย พิการและเสียชีวิตมีภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และการสูญเสียทางเศรษฐกิจตามมาอย่างมหาศาลนั้น
เทศบาลตำบลทุ่งหว้าได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้บริหาร สมาชิกสภาฯพนักงานเทศบาล ผู้สูงอายุและผู้นำชุมชนได้รับความรู้เกี่ยวกับการรักษาและการดูแลเอาใจใส่สุขภาพในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นและเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ และมีกิจกรรมทายกายที่เหมาะสม๓ อ. (ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาหารสะอาดปลอดภัย อารมณ์ดี)
๒ ส. (งดสูบบุหรี่ งดสุรา ) ๑ ฟ. (ฟันสะอาด)
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 11/08/2022
กำหนดเสร็จ 30/09/2022
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ผู้บริหาร สมาชิภสภาฯ พนักงาน ผู้สูงอายุ และแกนนำชุมชนได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง
2.ผู้บริหาร สมาชิภสภาฯ พนักงาน ผู้สูงอายุ และแกนนำชุมชนมีสุขภาพแข็งแรงสามารถต่อยอดการออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน อย่างสม่ำเสมอได้
3.ผู้บริหาร สมาชิภสภาฯ พนักงาน ผู้สูงอายุ และแกนนำชุมชนหันมาสนใจการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย