แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย จังหวัดยะลา
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
เด็กเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดของการเจริญเติบโตและพัฒนาการในทุกๆ ด้านของบุคคล การอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กอย่างถูกต้องเหมาะสมย่อมนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใหญ่ในอนาคต ดังนั้น เป้าหมายการพัฒนาเด็กคือการส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการเต็มศักยภาพ เพื่อให้สามารถเติบโตมีสุขภาพดี มีคุณภาพ และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม การที่จะให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพได้นั้นต้องรับการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ แข็งแรง โดยเฉพาะสุขภาพช่องปากเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กสามารถบริโภคอาหารได้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปเสริมสร้างอวัยวะส่วนต่าง ๆ ให้เติบโตแข็งแรงและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ (สุนิภา ชินวุฒิ, 2558) จากสถานการณ์ปัญหาทันตสุขภาพในเด็กส่วนใหญ่ พบว่า ปัญหาโรคฟันผุซึ่งจะพบทั้งฟันแท้และฟันน้ำนมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟันน้ำนมมีอัตราการฟันผุสูงมาก การเกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนมของเด็กจะเริ่มมีการผุในเด็กอายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป (วีระนุช ไชยศรี และคนอื่นๆ, 2553) และจากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 8 พ.ศ. 2560 พบว่า ความชุกของโรคฟันผุในฟันน้ำนมเด็กอายุ 3 ปี คือ ร้อยละ 52.9 และเด็กอายุ 5 ปี มีความชุกของโรคฟันผุในฟันน้ำนม ร้อยละ 75.6 พบฟันผุระยะเริ่มต้นในเด็กอายุ 3 ปี และ 5 ปี ร้อยละ 31.1 และร้อยละ 31.3 ตามลำดับ เมื่อแบ่งลำดับตามภูมิภาคพบว่าภาคใต้มีฟันผุมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 34.2 (สำนักทันตสาธารณสุข, 2560)
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนม เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน สาเหตุที่สำคัญประการหนึ่งมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ได้แก่ การปล่อยให้เด็กแปรงฟันเอง ผู้ปกครองตามใจ ใจอ่อน สงสารลูกเมื่อลูกร้องขณะแปรงฟัน แปรงฟันแค่วันละครั้งไม่สะอาดทั่วถึง ไม่ได้แปรงฟันให้เด็กก่อนนอน (วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุขภาคใต้, 2558) พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กที่มีอายุ 1 - 3 ปี ของผู้ปกครอง ได้แก่ การบริโภคอาหารของเด็ก การดูแลความสะอาดช่องปากของเด็ก การตรวจสุขภาพช่องปากของเด็ก นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งบางคนมีความเชื่อว่าฟันน้ำนมไม่มีความสำคัญ เมื่อผุควรถอนทิ้งไม่ต้องรักษา แต่ฟันน้ำนมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของใบหน้า ช่วยให้ฟันแท้เจริญเติบโตได้อย่างปกติ และขึ้นในตำแหน่งที่ถูกต้อง หากเด็กสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนด จะทำให้ไม่มีฟันเคี้ยวอาหารหรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะโภชนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก โดยจะพบฟันผุในเด็กที่มีสภาวะทุพโภชนาการมากกว่าเด็กปกติ (เมธินี ศุปพิทยานนท์ และสุพรรณี ศรีวิริยกุล, 2556) ปัจจัยที่มีผลต่อการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กที่มีอายุ 1 - 3 ปีของผู้ปกครองได้แก่ ความรู้ของ ผู้ปกครอง พบว่า ความรู้ด้านทันตสุขภาพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากบุตรของ ผู้ปกครองทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย ซึ่งสอดคล้องตามหลักเหตุผลที่ว่าเมื่อบุคคลมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องทันตสุขภาพก็จะมีผลในพฤติกรรมกาปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง เพราะความรู้เป็นปัจจัย สำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งผู้ปกครอง พบว่า การรับรู้ต่อปัญหาด้านทันตสุภาพมีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทางช่องปากของเด็กทำให้มีความตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและจะนำไปสู่การรักษาหรือการป้องกันพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทางช่องปากของเด็ก (พัทธนันท์ ศิริพรวิวัฒน์, 2552)
จากรายงานข้อมูล HDC (Health Data Center : ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ปี 2561 สาขาสุขภาพช่องปาก พบว่า เด็กอายุ 3 ปี ที่ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากทั้งหมดร้อยละ 45.52 มีฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 51.81 สำหรับในพื้นที่ตำบลสะเตง มีจำนวนเด็กอายุ 3 ปี ที่ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากทั้งหมดร้อยละ 31.46 พบว่า มีฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 28.57 ประกอบกับข้อมูลการตรวจฟันของเด็กที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนห้าแยกกำปงบาโงย ปี 2561 พบว่ามีเด็กที่มีโรคฟันผุ ร้อยละ 44.19 ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็กส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคฟันผุสูงอยู่
จากสภาพปัญหาดังกล่าว จึงได้มีแนวคิดที่จะสร้างเสริมทักษะ และให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กแก่ผู้ปกครอง ครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีกิจกรรมร่วมกันจัดทำสื่อการสอนแปรงฟันเพื่อกระตุ้นความสนใจให้เด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดูแลสุขภาพช่องปาก ให้มีความรู้ด้านการทำความสะอาดช่องปาก การเลือกรับประทานอาหารเพื่อป้องกันการเกิดโรคฟันผุ โดยการจัดกิจกรรมที่เน้นกิจกรรมการมีส่วนร่วม สอดแทรกไปกับการให้ความรู้ ฝึกทักษะลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างความตระหนัก และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กในแนวทางที่พึงประสงค์ จึงได้จัดโครงการสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก เพื่อป้องกันโรคฟันผุในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย จังหวัดยะลา เพื่อให้ผู้ปกครอง ครูผู้ดูแลเด็ก และเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการดูแลตนเอง รวมถึงเผยแพร่ยังกลุ่มเพื่อนตลอดจนผู้ใกล้ชิดต่อไป
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 30/05/2019
กำหนดเสร็จ 30/09/2019
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. สามารถลดอุบัติการณ์การเกิดโรคฟันผุในเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
2. เป็นแนวทางการป้องกัน และการส่งต่อเพื่อให้เด็กที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากได้รับการรักษาตามความเหมาะสม
3. การให้ข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเชิงนโยบายเกี่ยวกับการบรรจุเนื้อหาความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากไว้ในหลักสูตร หรือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนการสอนอย่างชัดเจน