โครงการตรวจคัดกรองสารเคมีในเลือดเกษตรกรและกลุ่มเสี่ยง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ปีงบประมาณ 2567

ดำเนินโครงการ 1. วางแผนงาน/ โครงการ 2. จัดทำโครงการเสนอเพื่อขออนุมัติดำเนินการ 3. ประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อเตรียมกลุ่มเป้าหมาย และนัด วัน เวลา และสถานที่ในการจัดกิจกรรม 4. ดำเนินการตรวจหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในกลุ่มเกษตรกร/ผู้บริโภค ตามวัน และเวลาที่นัดหมาย 5. แจ้งผลการตรวจพร้อมคำแนะนำที่ถูกต้องในการดูแลสุขภาพ 6. ตรวจคัดกรองซ้ำในกลุ่มเป้าหมายที่มีผลการตรวจเลือดรอบแรก จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มไม่ปลอดภัย (ตรวจซ้ำครั้งที่ 2) 7. แจ้งผลการตรวจสำหรับกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มไม่ปลอดภัย (ตรวจซ้ำครั้งที่ 2)
ผลการดำเนินการ
วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 : เพื่อค้นหาประชากรกลุ่มเสี่ยงจากการบริโภคอาหาร และประกอบอาชีพเกษตรกรในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
เครื่องมือวิธีการ : แบบประเมินความเสี่ยงการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
กิจกรรม : ลงทะเบียนและรับแบบสอบถามคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้ารับการเจาะเลือด
วิธีการดำเนินการ : 1. เจ้าหน้าที่รพ.สต.คัดกรองความเสี่ยงของกลุ่มเป้าหมายก่อนเข้ารับการเจาะเลือดโดยใช้แบบประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
2. เจ้าหน้าที่รพ.สต.แจกแผ่นพับความรู้พร้อมแนะนำให้ความรู้ในเรื่องของอันตรายจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช/ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากการสารเคมีกำจัดศัตรูพืช/ข้อควรระวัง ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ
ผลการใช้จ่ายงบประมาณ
1. ค่าป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์โครงการ ขนาด 1.5x2 เมตร จำนวน 1 ป้าย เป็นเงิน 500 บาท
2. แบบประเมินความเสี่ยง จำนวน 100 ชุด ชุดละ 2 บาท เป็นเงิน 200 บาท
3. แผ่นพับความรู้(สี) จำนวน 100 แผ่น แผ่นละ 10 บาท เป็นเงิน 1,000 บาท
จากการดำเนินโครงการในครั้งนี้ : มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 106 คน ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองประเมินภาวะเสี่ยงจากการใช้และสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนทราบระดับความเสี่ยงของตนเองและรู้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ในการจัดโครงการในครั้งนี้ บรรลุตามวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ข้อที่ 2 : เพื่อตรวจหาระดับสารเคมีตกค้างในเลือดของประชากรกลุ่มเสี่ยงจากการใช้/ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
เครื่องมือวิธีการ : ตรวจหาระดับสารเคมีตกค้างในเลือดของประชากรกลุ่มเสี่ยงจากการใช้/ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยใช้ใช้กระดาษทดสอบพิเศษขององค์การเภสัชกรรม(กระดาษทดสอบโคลีนเอสเตอเรส)
กิจกรรม : ตรวจคัดกรองหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส
วิธีการดำเนินการ : 1. เจาะเลือดประชากรกลุ่มเสี่ยงจากการใช้/ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
2. ปริมาณเลือดใน Capillary tube ต้องไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ส่วนของ tube
และดินน้ำมันอุด tube ต้องมีความหนาพอที่จะไม่หลุด ขณะปั่นด้วยเครื่องปั่นฮีมาโตคริต
3. วัดค่าฮีมาโตคริต % แล้วบันทึกผล
4. เตรียมสไลด์ไว้ 1 คู่ จิ้มเข็มเบอร์ 18 ที่กระดาษทดสอบโคลีนเอสเตอเรส
จำนวน 2 ชิ้น วางบนแผ่นสไลด์หัวและท้ายสไลด์ที่วางอยู่บนแผ่นกระดาษแผ่นตารางวางสไลด์เจาะเลือด
5. สอด Capillary tube ที่ที่มีซีรั่มและเลือดเข้าไปในไซริงที่เอา plunger ออก
ให้ถึงบริเวณระดับของเลือดและซีรั่มแล้วมือกดและหัก tube ด้านที่เป็นเลือดก็จะเข้าไปในถุงพลาสติก
6. เหยาะซีรั่มไปบนกระดาษโคลีนเอสเตอร์เรสให้ทั่วแผ่น(ต้องให้ทั่วแผ่นกระดาษ)
ประกบสไลด์เพื่อป้องกันกระดาษโคลีนฯแห้งก่อนการแปรผล 7 นาที โดยระบุเวลาเริ่มต้น และระบุเวลาสิ้นสุด
7. เมื่อครบกำหนด 7 นาที อ่านผลการเจาะ ตามแผ่นเทียบสี (0 ปกติ)
(1ปลอดภัย) (2 มีความเสี่ยง) (3 ไม่ปลอดภัย)
ผลการใช้จ่ายงบประมาณ
1. กระดาษทดสอบโคลีนเอสเตอเรส จำนวน 2 ขวด ขวดละ 1,000 บาท เป็นเงิน 2,000 บาท
2. เข็มเจาะปลายนิ้ว จำนวน 2 กล่อง กล่องละ 800 บาท เป็นเงิน 1,600 บาท
3. Tube ฮีมาโตคริท (100ชิ้น) จำนวน 2 หลอด หลอดละ 100 บาท เป็นเงิน 200 บาท
4.ถาดดินน้ำมัน (10 อัน ) จำนวน 1 กล่อง เป็นเงิน 800 บาท
5.ถุงมือยาง (50 คู่) จำนวน 2 กล่อง กล่องละ 130 บาท เป็นเงิน 260 บาท
6.สำลีก้อนชุบแอลกอฮอล์ จำนวน 1 กล่อง เป็นเงิน 600 บาท
7. Slide ขนาด 2.5 X 7.5 cm.(72 แผ่น) จำนวน 1 กล่อง เป็นเงิน 70 บาท
8. อาหารว่างและเครื่องดื่ม จำนวน 100 คน คนละ 25 บาท เป็นเงิน 2,500 บาท
จากการดำเนินโครงการในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการที่มีความเสี่ยงจากการใช้/ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทั้ง 106 คน ได้รับการเจาะเลือด ตรวจคัดกรอง ค้นหาระดับสารเคมีตกค้างในเลือดโดยวิธี Reactive Paper test ครบทุกคน
ในการจัดโครงการในครั้งนี้ บรรลุตามวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ข้อที่ 3 : เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงจากการใช้/ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ได้ทราบผลการตรวจว่าอยู่ในระดับใด และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
เครื่องมือวิธีการ : รายงานผลการตรวจคัดกรอง
กิจกรรม : รายงานแจ้งผลให้กับผู้เข้าร่วมโครงการได้ทราบผลการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดของตนเอง
วิธีการดำเนินการ : 1. หลังการตรวจหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส สารเคมีตกค้างในเลือดของผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน เจ้าหน้าที่รพ.สต.จะอ่านผล และแจ้งผลให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการทราบ
2.จ่ายสมุนไพรรางจืด กรณี อยู่ในระดับความเสี่ยง และระดับไม่ปลอดภัย จำนวน 30 แคปซูล/คน เมื่อทานยาครบแล้วพักอีก 15 วัน แล้วให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเจาะเลือดอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2
3. เจ้าหน้าที่แนะนำวิธีการรับประทานยาสมุนไพรรางจืด และวิธีการปฏิบัติตนในการใช้สารเคมีที่ถูกต้องปลอดภัยและมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพที่ดี
ผลการใช้จ่ายงบประมาณ
1. สมุนไพรล้างสารพิษรางจืด (500mg) จำนวน 5 กระปุก กระปุกละ 150 บาท เป็นเงิน 750 บาท
จากการดำเนินโครงการในครั้งนี้ ผลการตรวจหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส สารเคมีตกค้างในเลือดของผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้ง 106 คน พบว่า อยู่ในระดับปกติ จำนวน 46 คน ระดับปลอดภัย จำนวน 41 คน ระดับเสี่ยง จำนวน 7 คน และระดับไม่ปลอดภัย จำนวน 12 คน ซึ่งผู้ที่มีผลการตรวจหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส อยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จะได้รับยาสมุนไพรรางจืด คนละ 30 แคปซูล เมื่อทานยาครบแล้วพักอีก 15 วัน นัดผู้ที่มีความเสี่ยงเจาะเลือดอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 เพื่อดูผลหลังการรับประทานยาสมุนไพรรางจืด โดยผลการตรวจตรวจหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส สารเคมีตกค้างในเลือดของผู้ที่อยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จำนวน 19 คน ในครั้งที่ 2 พบว่า อยู่ในระดับปกติจำนวน 1 คน ระดับปลอดภัย จำนวน 8 คน ระดับเสี่ยง จำนวน 9 คน และระดับไม่ปลอดภัย จำนวน 1 คน ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนทราบผลการตรวจว่าตนเองมีสารเคมีตกค้างในเลือดอยู่ในระดับใด รู้วิธีการปฏิบัติตนในการใช้สารเคมีที่ถูกต้องปลอดภัยและมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพที่ดี
ในการจัดโครงการในครั้งนี้ บรรลุตามวัตถุประสงค์
จากการดำเนินการ โครงการตรวจคัดกรองสารเคมีในเลือดเกษตรกรและกลุ่มเสี่ยง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ปีงบประมาณ 2567 ในครั้งนี้พบปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ ดังนี้
ปัญหาอุปสรรค
1.เครื่องปั่นฮีมาโตคริตที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาปูนไม่สามารถใช้งานได้ต้องนำส่งซ่อมกับโรงพยาบาลแม่ข่ายซึ่งใช้ระยะเวลาในการซ่อมค่อยข้างนาน โดยในวันที่ดำเนินกิจกรรมโครงการ ต้องนำเลือดที่เจาะจากผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ไปปั่นที่ศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลห้วยยอด ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการไม่ทราบผลหลังการเจาะเลือดในทันที แต่ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดผ่านทางกลุ่มไลน์อสม.และโทรแจ้งรายบุคคลสำหรับผู้ที่มีผลการตรวจสารเคมีอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย เพื่อรับยาสมุนไพรรางจืดและทำการนัดหมายเจาะเลือดซ้ำครั้งที่ 2
ข้อเสนอแนะ
1.ก่อนการดำเนินโครงการควรมีการเช็คเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมหรือวางแผนแก้ไขปัญหาหากเกิดปัญหาหรือเหตุสุดวิสัยขึ้น ระหว่างการดำเนินกิจกรรมโครงการ