กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

แบบการติดตามประเมินผลการดำเนินกิจกรรมของโครงการ (Process Evaluation)

กิจกรรมระยะเวลาเป้าหมาย/วิธีการผลการดำเนินงานปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
ตามแผนปฏิบัติจริงตามแผนปฏิบัติจริงตามแผนปฏิบัติจริง
อบรมให้ความรู้ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกชุมชนสหธรรม 21 มิ.ย. 2567

 

 

 

 

 

อบรมให้ความรู้การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก 21 มิ.ย. 2567 21 มิ.ย. 2567

 

การอบรมตามโครงการอบรมให้ความรู้ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกชุมชนสหธรรม วันที่ 21 มิถุนายน 2567 ณ อาคารสมาคมสหธรรมทุ่งยาว ในหัวข้อดังนี้ 08.30 น. – 08.45 น. ลงทะเบียน 08.45 น. – 09.00 น. พิธีเปิดโครงการอบรมให้ความรู้ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกชุมชนสหธรรม โดย นายเฉลิมพล ชัยเกษตรสิน นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งยาว 09.00 น. – 09.50 น. สถานการณ์การเกิดโรคไข้เลือดออก
09.50 น. – 10.00 น. พักรับประทานอาหารว่าง 10.00 น. – 12.00 น. การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก
พักรับประทานอาหารกลางวัน

 

จากกิจกรรมอบรมให้ความรู้การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก ทำให้ประชาชนในพื้นที่ ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกในปัจจุบัน และได้รับความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ผลการจัดกิจกรรมรายละเอียด ดังนี้ ๑. กิจกรรม อบรมให้ความรู้การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก โดย นางสาวประไพพิศ บุญโยดม ตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ วิทยากรจากสาธารณสุขอำเภอปะเหลียน รายละเอียดดังนี้ หัวข้อ “สถานการณ์การเกิดโรคไข้เลือดออก”
โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ ซึ่งนำโดยยุงลาย โดยเฉพาะยุงลายตัวเมีย ที่ชอบหากินในเวลากลางวัน ผู้ที่ถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่กัดอาจเกิดการติดเชื้อและมีอาการได้ ตั้งแต่ไม่มีอาการ มีอาการไข้ไม่รุนแรง หรือจนถึงขั้นป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก ซึ่งมีอาการมีไข้สูง มีการรั่วของน้ำเลือดจนอาจทำให้ ผู้ป่วยมีภาวะช็อกจนเสียชีวิต นอกจากนี้อาจเกิดอาการเลือดออกและมีภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะต่าง ๆ  เช่น อาการทางสมอง หรือ ตับ เป็นต้น โรคนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และมักระบาดในฤดูฝน เพราะมียุง เพิ่มมากขึ้น ยุงลายอาศัยอยู่ในภายในบ้านและรอบ ๆ บ้าน ชอบดูดกินเลือดคนเวลากลางวัน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้เลือดออก อาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรืออาจจะเกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิต ความรุนแรงของการติดเชื้อขึ้นกับอายุ ภาวะภูมิคุ้มกัน และความรุนแรงของเชื้อ สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าในอดีต แต่มีอัตราป่วยตายลดลง เนื่องจากเทคโนโลยีการรักษาที่ดีขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 5 - 24 ปี โดยมีแนวโน้มผู้ใหญ่ป่วยมากขึ้นกว่าในอดีต จากผลการตรวจสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเดงกี่ของกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ในรอบ 10 ปีพบว่า เชื้อไวรัสเดงกี่ทุกสายพันธุ์มีการหมุนเวียนสลับกันไปแล้วแต่ช่วงเวลา ในขณะที่มีการตรวจพบลูกน้ำยุงลายได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยในระดับค่อนข้างสูงกว่าเกณฑ์

หัวข้อ “การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก”
วิธีป้องกันและควบคุมไข้เลือดออก 1. ป้องกันยุงลายกัด ยุงลายมักจะกัดคนในเวลากลางวัน ควรนอนในมุ้งหรือติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุง เข้ามาในบ้าน หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น ทายากันยุงที่สกัดจากพืชธรรมชาติ 2. กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป ยุงลายจะเพาะพันธุ์ในน้ำใส ในภาชนะที่เก็บน้ำใช้ในบ้าน เช่น โอ่งน้ำ ถ้วยรองขาตู้กันมด แจกันดอกไม้ ภาชนะนอกบ้านที่มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายกระทำได้โดย - ภาชนะที่ใช้เก็บน้ำต้องมีฝาปิดให้มิดชิด - ใช้ทรายกำจัดลูกน้ำใส่ในภาชนะขังน้ำ - ทำลายภาชนะที่ไม่จำเป็น เพราะอาจมีน้ำขังได้ - ปล่อยปลากินลูกน้ำ เช่น ปลาหางนกยูงในภาชนะที่มีน้ำขังขนาดใหญ่ เช่น อ่างบัว - เปลี่ยนน้ำในภาชนะเล็ก ๆ เช่น เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 7 วัน - ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและรอบบ้านให้เป็นระเบียบ - ขัดขอบภาชนะทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำเพื่อทำลายไข่ยุงลาย ลักษณะสำคัญของไข้เลือดออก - ไข้สูงเฉียบพลัน ประมาณ 2 - 7 วัน - เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย - บางรายอาจมีจุดเลือดสีแดงขึ้นตามลำตัว แขน ขา อาจมีเลือดกำเดาออกหรือเลือดออกตามไรฟัน  - ถ่ายอุจจาระดำเนื่องจากเลือดออก และอาจทำให้เกิดอาการช็อกได้ - ในรายที่ช็อกจะสังเกตได้จากอาการไข้ลดแต่ผู้ป่วยซึมลง ตัวเย็น ชีพจรเบาเร็ว หมดสติ อาจเสียชีวิตได้ โรคไข้เลือดออกยังไม่มียารักษาเฉพาะโรค การรักษาจะใช้วิธีประคับประคอง เช่น ให้ยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้ และให้สารน้ำชดเชย ถ้ามีอาการปวดท้อง ปัสสาวะน้อยลง กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น โดยเฉพาะในช่วยไข้ลด ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

 

สาธิตและฝึกปฏิบัติการทำสมุนไพรไล่ยุง 21 มิ.ย. 2567 21 มิ.ย. 2567

 

อบรมตามโครงการอบรมให้ความรู้ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกชุมชนสหธรรม วันที่ 21 มิถุนายน 2567 ณ อาคารสมาคมสหธรรมทุ่งยาว เวลา 13.00 น. – 14.00 น.        สาธิตและฝึกปฏิบัติการทำสมุนไพรไล่ยุง
เวลา 14.10 น. – 16.00 น.        สาธิตและฝึกปฏิบัติการทำสมุนไพรไล่ยุงแบบใช้หัวเชื้อ เวลา 16.00 น. – 16.30 น.       ซักถาม - แลกเปลี่ยนความรู้

 

จากกิจกรรมสาธิตและฝึกปฏิบัติการทำสมุนไพรไล่ยุงและแบบใช้หัวเชื้อ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ ที่เป็นแนวทางในการนำสมุนไพรพื้นบ้านที่มีอยู่ในครัวเรือน มาประยุกต์ให้เป็นสมุนไพรไล่ยุงที่สามารถช่วยไล่ยุง เพื่อช่วยป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรม สาธิตและฝึกปฏิบัติการทำสมุนไพรไล่ยุงและแบบใช้หัวเชื้อ โดย นายอานัส หมาดหวัง ตำแหน่ง แพทย์แผนไทยวิทยากรจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลิพัง รายละเอียดดังนี้ วัสดุในการทำสมุนไพรไล่ยุง ประกอบด้วย
- ตะไคร้ - ใบมะกรูด - มะนาว - แอลกอฮอล์ 95 % - การบูร - ขวดสเปรย์ ขนาด 60 มิลลิลิตร วิธีทำ 1. หั่นตะไคร้หอม หั่นผิวมะกรูด และหั่นผิวมะนาวออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง 2. นำห่อตะไคร้หอม ห่อผิวมะกรูด ห่อผิวมะนาว ใส่ลงไปในขวดโหล 3. เติมแอลกอฮอล์ 95 % ประมาณ 1 ลิตร ลงไปในขวดโหล 4. ใส่การบูรประมาณ 10 กรัม ลงไปในขวดโหล แล้วปิดผ้าคลุมไว้ให้สนิทเพื่อทำการหมัก 5. เขย่าขวดโหลให้ส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากัน นำไปบรรจุในขวดสเปรย์ จากนั้นก็ใช้ฉีดไล่ยุงได้เลย

วัสดุในการทำสมุนไพรไล่ยุงแบบใช้หัวเชื้อ ประกอบด้วย - การบูร
- แอลกอฮอล์ 95 % - น้ำมันตะไคร้หอม (100 มิลลิลิตร) - น้ำมันตะไคร้บ้าน (100 มิลลิลิตร) - น้ำมันมะกรูด (100 มิลลิลิตร) - กรีเซอรีน (100 มิลลิลิตร) - ขวดสเปรย์ ขนาด 60 มิลลิลิตร วิธีทำ 1. ผสมน้ำมันตะไคร้หอม น้ำมันตะไคร้บ้านและน้ำมันมะกรูด 2. เติมแอลกอฮอล์ 95 % ประมาณ 1 ลิตร ลงไปในขวดโหล 3. เติมกลีเซอรีนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและป้องกันการระคายเคือง 4. ใส่การบูรประมาณ 10 กรัม ลงไปในขวดโหล แล้วปิดผ้าคลุมไว้ให้สนิทเพื่อทำการหมัก 5. เขย่าขวดโหลให้ส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากัน 6. นำไปบรรจุในขวดสเปรย์ จากนั้นก็ใช้ฉีดไล่ยุงได้เลย