กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

แบบการติดตามประเมินผลการดำเนินกิจกรรมของโครงการ (Process Evaluation)

กิจกรรมระยะเวลาเป้าหมาย/วิธีการผลการดำเนินงานปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
ตามแผนปฏิบัติจริงตามแผนปฏิบัติจริงตามแผนปฏิบัติจริง
อบรมให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ภาวะแทรกซ้อน การดูแลตนเอง ความตระหนักเกี่ยวกับโรคตามหลัก 3 อ. 2 ส. 1 มี.ค. 2565 1 มี.ค. 2565

 

รายละเอียดกิจกรรม 2.1 ทำแบบประเมินความรู้ก่อน หลังการอบรม เรื่องการตรวจวัดความดัน การะเจาะเลือดคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวาน (เจาะเลือดปลายนิ้ว) ดัชนีมวลกาย และการแปรผล

2.2 ให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูงอย่างถูกวิธี

2.3 ให้ความรู้เรื่อง 3 อ. 2 ส. เพื่อนำความรู้ไปใช้ในการแนะนำผู้ป่วยได้

3 อ. คือ อาหาร, อารมณ์ และออกกำลังกาย

2 ส. คือ ไม่ดื่มสุราและไม่สูบบุหรี่

2.4 ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เรื่องการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง

เป้าหมาย

ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 70 คน งบประมาณ

ค่าเอกสารแบบประเมินความรู้ก่อน-หลังอบรม (เฉลี่ยจำนวนผู้เข้าอบรม 70 คน) จำนวน 140 ชุด เป็นเงิน 140 บาท

ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มจำนวน 70 คนๆละ 2 มื้อ ๆ ละ 25 บาท เป็นเงิน 3,500 บาท

ค่าอาหารกลางวัน จำนวน 70 คนๆละ 1 มื้อๆละ 65 บาท เป็นเงิน 4,550 บาท

ค่าตอบแทนวิทยากร จำนวน 5 ชั่วโมงๆละ 600 บาท เป็นเงิน 3,000 บาท

ค่าเอกสารแผ่นพับจำนวน 70 ชุด เป็นเงิน 350 บาท

ค่าป้ายไวนิลโครงการ ขนาด 1.5x3.0 เมตร จำนวน 1 ผืน เป็นเงิน 675 บาท

ค่าวัสดุ/อุปกรณ์ในการอบรม เป็นเงิน 2,800 บาท

 

กิจกรรมที่ ๒ อบรมให้ความรู้ ทั่วไปเกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ภาวะแทรกซ้อน การดูแลตนเอง ความตระหนักเกี่ยวกับโรคตามหลัก ๓ อ. ๒ ส. ๒.๑ ทำแบบประเมินความรู้ก่อน หลังการอบรม เรื่องการตรวจวัดความดัน การะเจาะ เลือดคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวาน (เจาะเลือดปลายนิ้ว) ดัชนีมวลกาย และการแปรผล ๒.๒ ให้ความรู้ เรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูง อย่างถูกวิธี ๒.๓ ให้ความรู้เรื่อง ๓ อ. ๒ ส. เพื่อนำความรู้ไปใช้ในการแนะนำผู้ป่วยได้ ๓ อ.คือ อาหาร, อารมณ์ และออกกำลังกาย ๒ ส. คือ ไม่ดื่มสุราและไม่สูบบุหรี่ ๒.๔ ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เรื่องการดูแลตนเองเพื่อ ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง จากการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ภาวะแทรกซ้อน การดูแลตนเอง ความตระหนักเกี่ยวกับโรคตามหลัก ๓ อ. ๒ ส . พบว่าผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวการดูแลตนเองมากยิ่งขึ้น

 

ติดตามผล 1 มี.ค. 2565 1 มี.ค. 2565

 

รายละเอียดกิจกรรม

3.1 ติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโดยนักศึกษาฝึกประสบการณ์และอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน

3.2 ถอดบทเรียนการดำเนินโครงการในหมู่บ้านร่วมกับชุมชน

เป้าหมาย

ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 70 คน

แกนนำชุมชน จำนวน 20 คน

งบประมาณ

ค่าแบบประเมินการติดตามผล จำนวน 70 ชุด เป็นเงิน 140 บาท

ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม (ประชุมถอดบทเรียน) จำนวน 20 คนๆละ 1 มื้อๆละ25 บาท เป็นเงิน 500 บาท

 

กิจกรรมที่ ๔ ติดตาม/ประเมินผล ๔.๑ ติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโดยนักศึกษาฝึกประสบการณ์และอาสาสมัครประจำ หมู่บ้าน จำนวน 5 คน และออกติดตาม จำนวน 3 ครั้ง พบว่า คนในชุมชนดระหนักถึงปัญหาสุขภาพมากยิ่งขึ้น และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น ๔.๒ ถอดบทเรียนการดำเนินโครงการในหมู่บ้านร่วมกับชุมชน คืนข้อมูลให้ประชาชนในชุมชน รับทราบเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออก กำลังกายและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม และได้ซี้แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา

 

รายงานผลโครงการ 1 มี.ค. 2565 1 มี.ค. 2565

 

รายละเอียดกิจกรรม

5.1 รายงานผลโครงการ

งบประมาณ

รูปเล่มโครงการ เป็นเงิน 1,000 บาท

 

จัดทำรูปเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์ ส่งกองทุนหลักประกันสุขภาพองค์การบริหารส่วนตำบลกำแพง

 

ประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง 1 เม.ย. 2565 1 เม.ย. 2565

 

รายละเอียดกิจกรรม 1. ตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นก่อน-หลัง ดำเนินโครงการ เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจร่างกายทั่วไป ประเมินสุขภาพเบื้องต้น เป็นต้น

เป้าหมาย

ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 70 คน งบประมาณ

ค่าตอบแทนแกนนำโครงการ จำนวน 5 คนๆละ 2 ครั้งๆละ 200 บาท เป็นเงิน 2,000 บาท

ค่าเครื่องวัดความดัน 1 เครื่อง เป็นเงิน 2,000 บาท

ค่าเครื่องเจาะน้ำตาล 1 เครื่อง เป็นเงิน 3,000 บาท

 

กิจกรรมที่ ๑ ประเมินภาะสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ตรวจประเมินสขภาพเบื้องดันก่อน-หลัง ดำเนินโครงการ เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิดสูง ดรวจร่างกายทั่วไป เป็นตัน             จากการดำเนินกิจกรรมประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้มี การจัดทำแบบประเมินความรู้ก่อน - หลังการอบรมของผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง เรื่องการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน การรับประทานอาหาร ลด/หลีกเลี่ยง อาหารประเภท หวาน มัน เค็ม พบว่า ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมากยิ่งขึ้น

 

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง 1 เม.ย. 2565 1 เม.ย. 2565

 

รายละเอียดกิจกรรม

2.1 สอน/สาธิต การทำเมนูน้ำ-อาหารเพื่อสุขภาพ

2.2 ส่งเสริมการออกกำลังกายแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาทีโดยการเล่นกะลาสามัคคี เป็นการเล่นเพื่อใช้ในการออกกำลังกาย ซึ่งกะลาสามัคคีเป็นการนำสิ่งของเหลือมาประยุกต์ใช้ โดยการนำลูกมะพร้าวมาปลอกเปลือกและเจาะรู นำเชือกมาผูกเป็นคู่ วิธีการเล่นมี 2 แบบ คือ

ให้ผู้เล่น 2 คน ยืนหันหน้าเข้าหากัน มือจับห่วงยางให้แน่น โดยผู้เล่นก้าวเท้าออกไปข้างหน้าแล้วดึงเชือกสลับกันในแนวขนานกับหน้าอก

ให้ผู้เล่น 2 คน ยืนหันหน้าเข้าหากันมือจับห่วงยางให้แน่น โดยเท้าของผู้เล่นทั้งสองข้างชิดกัน ผู้เล่นจับห่วงกางแขนออกให้กว้าง ทำสลับกันไป

เป้าหมาย

ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 70 คน งบประมาณ

ค่าวัสดุ/อุปกรณ์ในการสอน/สาธิต การทำน้ำ-อาหารเพื่อสุขภาพ เป็นเงิน 845 บาท

ค่าเชือกไนลอนสำหรับสอน/สาธิตการออกกำลังกายโดยการเล่นกะลาสาสมัคคี เป็นเงิน 100 บาท

 

กิจกรรมที่ ๓ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง               จากการดำเนินกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิดสูง พบว่า ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทั้งเรื่องการสาธิตทำอาหารและนวัดกรรมที่จัดทำขึ้น ในส่วนของการสาธิต ทำอาหารได้ทำเมนูยำมะระขี้นก พร้อมกับน้ำใบเตยสดใส่เม็ดแมงลัก ในส่วนของการออกกำลังกายได้จัดทำนวัดกรรมขึ้น คือ กะลาสามัคคี ลักษณะของการเล่นจะเล่น ๒ คน ยืนหันหน้าเข้าหากัน มือจับห่วงยางให้แน่น โดยผู้เล่นก้าวเท้าออกไปข้างหน้าแล้วดึงเชือกสลับกันในแนวขนานกับหน้าอก กะลาสามัดคีช่วยได้ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อแขน หน้าท้อง และขา             จากการดิดตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในชุมชน พบว่า ชาวบ้าวในชุมชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย