โครงการพัฒนาพฤติกรรมโรคเบาหวาน - ความดันโลหิตสูง
ชื่อโครงการ | โครงการพัฒนาพฤติกรรมโรคเบาหวาน - ความดันโลหิตสูง |
รหัสโครงการ | 65-L3332-1-4 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านนาปะขอ |
วันที่อนุมัติ | 26 กรกฎาคม 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 29 กันยายน 2565 - 29 กันยายน 2565 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2565 |
งบประมาณ | 81,300.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายเกรียงไกร ไชยวรรณ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 70 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 70 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนประชาชนมีการแข่งขันสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวนิยมวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น จึงทำให้วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงเช่นการเร่งรีบกับการทำงานบริโภคอาหารโดยไม่ได้คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลงขาดการออกกำลังกายเครียดทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุข เป็นกลุ่มโรคที่มีปัจจัยสาเหตุการนำสู่โรคจากปัจจัยเสี่ยงร่วม และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม
จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2551 พบว่า อัตราตายต่อแสนประชากร จากโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานเท่ากับ3.9, 21.2, 20.8 และ 12.2เรียงตามลำดับ ส่วนอัตราป่วยในต่อแสนประชากรด้วยโรคความดันโลหิตสูง โรค หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองและโรคเบาหวาน เท่ากับ 860.53, 185.72, 216.58 และ 675.7 ตามลำดับ
จากข้อมูลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาปะขออัตราการป่วยและอัตราการตายของประชากรในเขตรับผิดชอบ ปี 2561 พบอัตราป่วยโรคเบาหวาน 2,703.70 ต่อแสนประชากร โรคความดันโลหิตสูง อัตราป่วย 9,074.07 และอัตราตายโรคหัวใจและหลอดเลือด 134.95 ต่อแสนประชากร โรคมะเร็ง อัตราตาย 33.74 ต่อแสนประชากรและในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 274 คน สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ จำนวน 116 คน คิดเป็นร้อยละ 33.24และจากการคัดกรองสุขภาพ ปีงบประมาณ 2564 ( ตุลาคม 2563 - ธันวาคม 2563)พบกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานร้อยละ 23.88 และกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูงร้อยละ 46.86 และพบว่าในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 117 คน สามารถควบคุมน้ำตาลได้จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 34.19 และในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 361 คน สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ จำนวน 171 คน คิดเป็นร้อยละ 47.37
ในการนี้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาปะขอ จึงได้จัดทำโครงการ “โครงการพัฒนาพฤติกรรม โรคเบาหวาน - ความดันโลหิตสูง”ขึ้นเพื่อส่งเสริม /สนับสนุนให้ประชาชนในชุมชนให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายมีความแข็งแรงทั้งกาย ใจ สังคมจิตวิญญาณ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนในการ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูงมีความรู้ในเรื่องโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การดูแลสุขภาพ การรับประทานอาหารและยา การออกกำลังกาย การตรวจสุขภาพตา ไต เท้า ทั้งสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง กลุ่มเป้าหมายมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (อัตราควบคุมโรคได้เพิ่มขึ้น) |
0.00 | |
2 | 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนำความรู้ที่ได้รับ มาปรับพฤติกรรมในเรื่องการดูแลสุขภาพตนเอง ใช้ยาได้อย่างปลอดภัย ถูกวิธี และลดการพึ่งพาการใช้ยาที่เกินความจำเป็น ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สามารถนำความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งความรู้เรื่องโรคการตรวจสุขภาพด้วยตนเอง การรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย การตรวจเท้าและการดูแลเท้า มาใช้ดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้ถูกต้องเหมาะสม |
0.00 | |
3 | 3. ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถคุมระดับน้ำตาลได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถคุมระดับน้ำตาลได้มากกว่าร้อยละ 40 |
0.00 | |
4 | 4. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถคุมระดับความดันโลหิตได้ดี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถคุมระดับความดันโลหิตได้มากกว่าร้อยละ 30 |
0.00 | |
5 | 5. เพื่อให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับการอบสมุนไพร ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถลดอาการชาปลายมือปลายเท้าและระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น |
0.00 | |
6 | 6. เพื่อให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีค่าความดันโลหิตสูงลดลงหลังการอบสมุนไพร ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีค่าความดันโลหิตสูงลดลงหลังการอบสมุนไพรมากกว่าร้อยละ 50 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 81,300.00 | 0 | 0.00 | |
29 ก.ย. 65 | อบรมให้ความรู้ | 0 | 11,300.00 | - | ||
29 ก.ย. 65 | ค่าวัสดุอื่นๆ/ครุภัฑณ์ | 0 | 70,000.00 | - |
- ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูงมีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งความรู้เรื่องโรค การตรวจสุขภาพด้วยตนเอง การรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย การตรวจเท้าและการดูแลเท้าได้ถูกต้องปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
- ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สามารถนำความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งความรู้เรื่องโรคการตรวจสุขภาพด้วยตนเอง การรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย การตรวจเท้าและการดูแลเท้ามาใช้ดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้ถูกต้องเหมาะสม
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถคุมระดับน้ำตาลได้มากกว่าร้อยละ 40
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถคุมระดับความดันโลหิตได้มากกว่าร้อยละ 30
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถลดอาการชาปลายมือปลายเท้าและระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีค่าความดันโลหิตสูงลดลงหลังการอบสมุนไพรมากกว่าร้อยละ 50
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2565 00:00 น.