โครงการอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ประจำปี 2566 ในเรือนจำจังหวัดตรัง
ชื่อโครงการ | โครงการอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ประจำปี 2566 ในเรือนจำจังหวัดตรัง |
รหัสโครงการ | 66-L1490-01-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | เรือนจำจังหวัดตรัง |
วันที่อนุมัติ | 13 มกราคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 30 มกราคม 2566 - 30 สิงหาคม 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 15 กันยายน 2566 |
งบประมาณ | 11,280.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายสมจิตร หนูเพชร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดตรัง |
พี่เลี้ยงโครงการ | พ.จ.อ.ไชยา สุทธิโภชน์ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.524,99.615place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 30 ม.ค. 2566 | 30 ส.ค. 2566 | 11,280.00 | |||
2 | 0.00 | |||||
รวมงบประมาณ | 11,280.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 72 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ภาวะหัวใจหยุดเต้นและหรือหยุดหายใจเฉียบพลัน เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจาก ๒ สาเหตุหลักคือจากโรคหัวใจขาดเลือด จากการมีโรคหัวใจอยู่เดิมซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า ๓5 ปีขึ้นไป มักพบว่ามีหัวใจเต้นผิดปกติชนิดที่สั่นพลิ้วไม่มีแรงบีบตัวเพื่อให้เลือดออกจากหัวใจ สาเหตุที่ ๒ คือ การขาดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายจากอุบัติเหตุต่างๆ มักเกิดเหตุนอกโรงพยาบาล เซ่นในปี พ.ศ.๒๕๕๗ ในอเมริกา มีผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันนอกโรพยาบาล จำนวน ๔๒๔,๐๐๐ คน มีอัตราการเสียชีวิตทั้งนอกและในโรพยาบาลจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย ประมาณร้อยละ ๕๐ ในประเทศไทย มีผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันนอกโรงพยาบาลโดยประมาณคือ ๐.๕–๑.๐ ต่อ ๑,๐๐๐ รายต่อปี เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดและอุบัติเหตุจราจร และคาดการณ์ได้ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีอัตราป่วยและอัตราตายด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น โดยพบอัตราตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน จาก ๒๐.๒๕ คนต่อแสนประชากรเป็น ๒7.๘๓ คนต่อแสนประชากร สำหรับประเทศไทย ในปี 2560 พบว่า คนไทยมีแนวโน้ม ป่วยด้วยโรคหัวใจขาดเลือดมากที่สุดถึง 326,946 คน และตายจากโรคหัวใจขาดเลือดถึง 20,746 คน เฉลี่ย 57 คน/วัน และมีแนวโน้ม ในการป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของจังหวัดตรัง พบว่าในปี 2561 อัตราการตายจากหัวใจขาดเลือด คิดเป็นร้อยละ 14.21 และในปี 2562 (8 เดือน) คิดเป็นร้อยละ 9.33 (ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 2562) และอัตราการตายของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ในปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 19.79 และในปี 2562 (8 เดือน) ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 2562 คิดเป็นร้อยละ 8.73 ต่อแสนประชาชากร โดยในอำเภอที่มีอัตราการตายสูง ตามลำดับ 1. อำเภอเมืองตรัง 2. อำเภอกันตัง 3. อำเภอย่านตาขาว ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันมีโอกาสเสียชีวิตในไม่กี่นาทีภายหลังหัวใจหยุดเต้น การเริ่มกดนวดหน้าอกโดยเร็ว มีผลต่อการกลับมาเต้นของหัวใจ ผู้พบเห็นคนแรกที่เริ่มทำการฟื้นคืนชีพเร็ว มีความสัมพันธ์กับอัตรารอดชีวิตที่เพิ่มขึ้นตามหลักการห่วงโซ่ของการอยู่รอด ปี พ.ศ. ๒55๘ สมาคมโรหัวใจแห่งอเมริกาให้ข้อเสนอแนะว่าบุคคลแรกที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ที่พบเห็นเหตุการณ์ มีบทบาทสำคัญใน 3 ห่วงแรกของการช่วยชีวิต คือ 1) เมื่อพบผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินทันที ๒) เริ่มกดนวดหน้าอก ให้เร็วภายในเวลา ๔ นาที และ 3) กระตุ้นหัวใจด้วยเครื่องไฟฟ้า (AED) แต่พบว่าผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันนอกโรพยาบาลได้รับช่วยฟื้นคืนชีพโดยผู้พบเห็นคนแรกค่อนข้างน้อย อัตราการรอดชีวิตจนออกจากโรงพยาบาลค่อนข้างต่ำคือประมาณร้อยละ ๗.๖ – 7.๙ เท่านั้น การให้คำแนะนำการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานจึงมีความสำคัญมากเนื่องจากช่วยเพิ่มจำนวนการช่วยฟื้นคืนชีพจากผู้พบเห็นคนแรกทำให้เริ่มการกดนวดหน้าอกครั้งแรกเร็วขึ้น นำไปสู่การมีชีวิตรอดที่เพิ่มขึ้น จากการที่เรือนจำจังหวัดตรัง มีผู้ต้องขังในเรือนจำอยู่ 1,728 คน (ข้อมูล ณ เดือน มกราคม 2566) ซึ่งนับว่ามีประชากรต้องขังที่ค่อนข้างจะหนาแน่นพร้อมยังมีความเสี่ยงเมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งยังขาดทักษะ และได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวข้างต้น จึงจัดการอบรมการช่วยกู้ชีพเบื้องต้น (CPR) และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรับผิดชอบ ณ สถานที่ติดตั้งเครื่อง AED เข้าใจในการช่วยกู้ชีพเบื้องต้น สามารถใช้เครื่อง AED ช่วยเหลือผู้ที่ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงที
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 72 | 11,280.00 | 1 | 11,280.00 | |
1 มี.ค. 66 - 28 เม.ย. 66 | กิจกรรมอบรมให้ความรู้ | 72 | 11,280.00 | ✔ | 11,280.00 |
๑. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการช่วยกู้ชีพเบื้องต้น (CPR) ทุกคน ๒. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ทุกคน ๓. ผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะการช่วยกู้ชีพเบื้องต้น (CPR) ได้อย่างถูกต้อง ทุกคน 4. ผู้เข้ารับการอบรมสามารถใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ได้อย่างถูกต้อง ทุกคน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2566 10:10 น.