โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ ประจำปี 2567
ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ ประจำปี 2567 |
รหัสโครงการ | 67-L2502-02-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลกาลิซา |
วันที่อนุมัติ | 30 พฤศจิกายน 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 31 มกราคม 2567 - |
กำหนดวันส่งรายงาน | 29 กุมภาพันธ์ 2567 |
งบประมาณ | 80,350.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวรุสมีนี กาปง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.225,101.661place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีปัญหาเด็กติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะ พ่อ แม่ขาดความเข้าใจ เลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ ให้เล่นเกมเพื่อจะได้อยู่นิ่งๆ และอยู่ในสายตาการปล่อยให้ลูกเล่นมือถือและทิ้งลูกอยู่กับหน้าจอเพียงลำพังนานเกินวันละหลายชั่วโมง อาจส่งผลให้เด็กจดจ่อกับเรื่องราวที่ผ่านตาเร็วเกินไป และไม่ยอมละสายตาเพื่อสนใจกับสิ่งรอบตัวอื่นรอบข้าง ด้วยการเคลื่อนไหวในสื่อต่าง ๆ บนหน้าจอมือถือหรือแท็ปเล็ตที่เปลี่ยนแปลงและมีความรวดเร็ว จะทำให้เกิดปัญหาการใช้สมองในส่วนความทรงจำลดลง และหากปล่อยให้ลูกเล่นเช่นนี้เป็นประจำทุกวันจะสะสมให้เด็กเกิดอาการ “สมาธิสั้น” ได้ จากสถิติเด็กอายุ 6-12 ปี ที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นในประเทศไทยซึ่งจัดเก็บตั้งแต่ปี 2555 พบว่า มีเด็กป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นมากถึง 1 ล้านคน พบในเด็กผู้ชายมากถึงร้อยละ 12 มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่พบร้อยละ 10 โดยอาการสมาธิสั้นส่วนใหญ่พบในเด็กอายุก่อน 7 ปี และจะมีอาการต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน
ซึ่งในประเทศไทยพบความชุกของโรคในเด็กนักเรียนชั้น ป.1-5 ถึงร้อยละ 8.1 ประมาณการได้ว่ามีเด็กนักเรียนชั้น ป.1- ป.5 ทั่วประเทศป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นถึง 1 ล้านคน และมักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ในอัตราส่วน 3:1 และหากไม่ได้รับการวินิจฉัย รักษา และปรับพฤติกรรมอย่างถูกต้อง เด็กจะมีโอกาส ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน เกิดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมากกว่าเด็กปกติ มีปัญหาการปรับตัวเข้า กับผู้อื่น ฯลฯ และส่งผลเป็นปัญหาระยะยาว เช่น กลายเป็นคนต่อต้านสังคม มีความเสี่ยงติดยาเสพติด เกิดภาวะซึมเศร้าและหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ต้นจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านลบ และติดตัวไปจนถึงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
ถึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กป้องกันโรคสมาธิสั้น ติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ เพื่อให้ความรู้ส่งเสริมให้เด็กวัยเรียนใช้สื่อออนไลน์ในทางที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดโรคสมาธิสั้น และส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย เพื่อหลีกเลี่ยงโทษและปัญหาที่เกิดขึ้น ในอนาคตกับเด็กที่มาจากการติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ จนกลายเป็นโรคสมาธิสั้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้เกี่ยวกับภัยที่เกิดจากการติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ เรื่อง ภัยที่เกิดจากการติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ ร้อยละของ ปชช. : ร้อยละ 80 ของผู้เข้าร่วมอบรม |
||
2 | เพื่อส่งเสริมให้เด็กวัยเรียน มีสุขภาพจิตเหมาะสมตามวัย ผู้เข้าร่วมอบรมมีสุขภาพจิตที่ดีเหมาะสมตามวัย ร้อยละของ ปชช. : ร้อยละ 80 ของผู้เข้าร่วมอบรม |
||
3 | เพื่อลดภาวการณ์ติดเกมติดจอและส่งเสริมให้เด็กวัยเรียนใช้สื่อออนไลน์ในทางที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดโรคสมาธิสั้น ผู้เข้าร่วมอบรมมีการลดภาวการณ์ติดเกมติดจอและไม่ทำให้ตนเองเกิดโรคสมาธิสั้น ร้อยละของ ปชช. : ร้อยละ 80 ของผู้เข้าร่วมอบรม |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
รวม | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 |
- ประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ กำหนดวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมายของโครงการ
- วิเคราะห์ปัญหาที่พบและจัดทำแผนการดำเนินงาน
- เขียนแผน/โครงการ เพื่อเสนออนุมัติ
- ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ประชาสัมพันธ์โครงการภายในชุมชน
- ดำเนินงานตามโครงการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ทั้ง 4 ด้าน ภัยของการติดโทรศัพท์ ติดเกมส์ และกิจกรรมนันทนาการเพื่อส่งเสริมความสามัคคี ลดการติดจอ
- แจกแผ่นพับเดินรณรงค์
- ติดตั้งป้ายไวนิลรณรงค์ภายในพื้นที่ตำบลกาลิซา จำนวน 30 จุด
หมู่ที่ 1 จำนวน 3 จุด
หมู่ที่ 2 จำนวน 7 จุด
หมู่ที่ 3 จำนวน 4 จุด
หมู่ที่ 4 จำนวน 3 จุด หมู่ที่ 5 จำนวน 8 จุด
หมู่ที่ 6 จำนวน 5 จุด - สรุปผลตามโครงการ
- เด็กวัยเรียนและผู้ปกครองได้รับความรู้เกี่ยวกับภัยของการติดโทรศัพท์ ติดเกมส์
- เด็กวัยเรียนได้รับการส่งเสริมสุขภาพจิตให้เหมาะสมตามวัย ไม่เกิดโรคสมาธิสั้น
- เด็กวัยเรียนติดเกมติดจอลดลงและใช้สื่อออนไลน์ในทางที่สร้างสรรค์มากขึ้น
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2566 10:50 น.