กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องพัฒนาทักษะการว่ายน้ำแบะทักษะการเอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุทางน้ำ และอบรมความรู้การช่วยเหลือชีวิตการทำ CPR การช่วยเหลือเบื้องต้น ระยะเวลาจัดกิจกรรม ทั้งหมด 3 วัน
กิจกรรม : กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องพัฒนาทักษะการว่ายน้ำแบะทักษะการเอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุทางน้ำ และอบรมความรู้การช่วยเหลือชีวิตการทำ CPR การช่วยเหลือเบื้องต้น ระยะเวลาจัดกิจกรรม ทั้งหมด 3 วัน
วันที่ 01/01/2024 - 30/08/2024
งบประมาณที่ตั้งไว้ 0.00 บาท
กลุ่มเป้าหมาย 0 คน
รายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย
รายละเอียดกิจกรรม :
1. อบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาทักษะการว่ายน้ำและทักษะการเอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุทางน้ำ ให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 75 คน เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการตามหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ ฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดและทักษะพื้นฐานการว่ายน้ำ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ โดยวิทยากรครูสอนว่ายน้ำ และวิธีการช่วยฟื้นคืนชีพ CPR โดยวิทยากรเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลตรัง
1.1 หลักสูตร “ว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด” แบ่งออกเป็น 3 กิจกรรม คือ
กิจกรรมที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ (Water Safety Knowledge)
ใช้เวลาเรียน 2 ชั่วโมง เป็นการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1) แหล่งน้ำเสี่ยงทั้งในบ้าน รอบบ้าน ละแวกบ้าน และในชุมชน
2) สภาพแหล่งน้ำ เช่น น้ำลึก น้ำตื้น น้ำวน ปรากฏการณ์ Rip Current
3) วิธีการลงและขึ้นแหล่งน้ำด้วยความปลอดภัย
4) ทักษะความปลอดภัยในกิจกรรมทางน้ำ (การปฏิบัติตามระเบียบการใช้สระว่ายน้ำ และกฎแห่งความปลอดภัยทั่วไป)
5) ความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำ
กิจกรรมที่ 2 การเอาชีวิตรอดและพื้นฐานการว่ายน้ำ (Swim and Survive)
ใช้เวลาเรียน 10 ชั่วโมง เป็นการสอนให้เด็กมีทักษะการเอาชีวิตรอดและพื้นฐานการว่ายน้ำ
1) การเอาชีวิตรอดในน้ำ ได้แก่ ทักษะการลอยตัวในน้ำ ทั้งการลอยตัวแบบนอนคว่ำ (ท่าปลาดาว ท่าแมงกะพรุน) การลอยตัวแบบนอนหงาย (แม่ชีลอยน้ำ) และการลอยตัวแบบลำตัวตั้งตรง (การลอยคอ การลอยตัวแบบลูกหมาตกน้ำ) การทำท่าผีจีน (Kangaroo jump) การใช้อุปกรณ์ช่วยในการเอาชีวิตรอด เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก รองเท้าแตะฟองน้ำ การเคลื่อนที่ไปจับอุปกรณ์ลอยน้ำในน้ำลึก และการเลือกใช้เสื้อชูชีพ
2) พื้นฐานการว่ายน้ำ ได้แก่ การสร้างความคุ้นเคยกับน้ำ การหายใจในการว่ายน้ำ (Bobbing or Proper Breathing) การเคลื่อนที่ไปในน้ำ การกระโดดน้ำ และการเตะเท้าคว่ำแล้วพลิกหงายแล้วพลิกคว่ำสลับกัน
กิจกรรมที่ 3 การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (Water Rescue)
ใช้เวลาเรียน 3 ชั่วโมง เป็นการสอนให้เด็กรู้จักการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ การช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำด้วยการโยนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก ถังแกลลอน เสื้อชูชีพ และการช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำด้วยการยื่นอุปกรณ์ เช่น Kick board ท่อ PVC ไม้พลอง กิ่งไม้ หรือ Swimming Noodle
ทั้งนี้จะเป็นกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเนื้อหาได้ผสมผสานการเรียนรู้ทั้ง 3 กิจกรรม ไปพร้อมๆ กันในแต่ละชั่วโมง โดยเริ่มเรียนจากเรื่องง่ายๆ แล้วค่อยเพิ่มระดับความยากให้มากยิ่งขึ้นและมีการวัดและประเมินผลอย่างเป็นระบบ
1.2 การช่วยฟื้นคืนชืพ (CPR) (วิทยากรเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลตรัง) โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้าอบรมทราบ ดังนี้
1) ความสำคัญในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
2) เข้าใจขั้นตอนการทำการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
3) สามารถทำการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง
4) วิธีการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (automated external defibrillator : AED)
2. ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน (แบบประเมินผลก่อนและหลังการอบรม)
3. สรุปผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ ส่งให้กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลนครตรัง
1. อบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาทักษะการว่ายน้ำและทักษะการเอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุทางน้ำ ให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 75 คน เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการตามหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ ฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดและทักษะพื้นฐานการว่ายน้ำ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ โดยวิทยากรครูสอนว่ายน้ำ และวิธีการช่วยฟื้นคืนชีพ CPR โดยวิทยากรเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลตรัง
1.1 หลักสูตร “ว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด” แบ่งออกเป็น 3 กิจกรรม คือ
กิจกรรมที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ (Water Safety Knowledge)
ใช้เวลาเรียน 2 ชั่วโมง เป็นการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1) แหล่งน้ำเสี่ยงทั้งในบ้าน รอบบ้าน ละแวกบ้าน และในชุมชน
2) สภาพแหล่งน้ำ เช่น น้ำลึก น้ำตื้น น้ำวน ปรากฏการณ์ Rip Current
3) วิธีการลงและขึ้นแหล่งน้ำด้วยความปลอดภัย
4) ทักษะความปลอดภัยในกิจกรรมทางน้ำ (การปฏิบัติตามระเบียบการใช้สระว่ายน้ำ และกฎแห่งความปลอดภัยทั่วไป)
5) ความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำ
กิจกรรมที่ 2 การเอาชีวิตรอดและพื้นฐานการว่ายน้ำ (Swim and Survive)
ใช้เวลาเรียน 10 ชั่วโมง เป็นการสอนให้เด็กมีทักษะการเอาชีวิตรอดและพื้นฐานการว่ายน้ำ
1) การเอาชีวิตรอดในน้ำ ได้แก่ ทักษะการลอยตัวในน้ำ ทั้งการลอยตัวแบบนอนคว่ำ (ท่าปลาดาว ท่าแมงกะพรุน) การลอยตัวแบบนอนหงาย (แม่ชีลอยน้ำ) และการลอยตัวแบบลำตัวตั้งตรง (การลอยคอ การลอยตัวแบบลูกหมาตกน้ำ) การทำท่าผีจีน (Kangaroo jump) การใช้อุปกรณ์ช่วยในการเอาชีวิตรอด เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก รองเท้าแตะฟองน้ำ การเคลื่อนที่ไปจับอุปกรณ์ลอยน้ำในน้ำลึก และการเลือกใช้เสื้อชูชีพ
2) พื้นฐานการว่ายน้ำ ได้แก่ การสร้างความคุ้นเคยกับน้ำ การหายใจในการว่ายน้ำ (Bobbing or Proper Breathing) การเคลื่อนที่ไปในน้ำ การกระโดดน้ำ และการเตะเท้าคว่ำแล้วพลิกหงายแล้วพลิกคว่ำสลับกัน
กิจกรรมที่ 3 การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (Water Rescue)
ใช้เวลาเรียน 3 ชั่วโมง เป็นการสอนให้เด็กรู้จักการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ การช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำด้วยการโยนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก ถังแกลลอน เสื้อชูชีพ และการช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำด้วยการยื่นอุปกรณ์ เช่น Kick board ท่อ PVC ไม้พลอง กิ่งไม้ หรือ Swimming Noodle
ทั้งนี้จะเป็นกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเนื้อหาได้ผสมผสานการเรียนรู้ทั้ง 3 กิจกรรม ไปพร้อมๆ กันในแต่ละชั่วโมง โดยเริ่มเรียนจากเรื่องง่ายๆ แล้วค่อยเพิ่มระดับความยากให้มากยิ่งขึ้นและมีการวัดและประเมินผลอย่างเป็นระบบ
1.2 การช่วยฟื้นคืนชืพ (CPR) (วิทยากรเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลตรัง) โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้าอบรมทราบ ดังนี้
1) ความสำคัญในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
2) เข้าใจขั้นตอนการทำการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
3) สามารถทำการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง
4) วิธีการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (automated external defibrillator : AED)
2. ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน (แบบประเมินผลก่อนและหลังการอบรม)
3. สรุปผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ ส่งให้กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลนครตรัง
project version 4.4.01 release 2022-02-13. ช่วยเหลือ