โครงการตรวจคัดกรองความเสี่ยงสุขภาพประชาชนจากภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
ชื่อโครงการ | โครงการตรวจคัดกรองความเสี่ยงสุขภาพประชาชนจากภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช |
รหัสโครงการ | 67-L1523-1-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเขาเพดาน |
วันที่อนุมัติ | 14 พฤศจิกายน 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤศจิกายน 2566 - 30 กันยายน 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 ตุลาคม 2567 |
งบประมาณ | 24,720.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวกิตติมา พลัดทองศรี |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางสาวศศิมา โสะสะ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาเมืองเพชร อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.559,99.465place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้ง มนุษย์ และสัตว์ กล่าวคือ จะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอต สมอง ผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะ ภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้ จึงแสดงอาการต่างๆขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อ โรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น เนื่องด้วยประชาชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเขาเพดาน ตำบลนาเมืองเพชร อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มากถึงร้อยละ ๘๕ ซึ่งจะมี พื้นที่ ทำไร่ ทำสวนผลไม้และสวนยางพารา สวนปามล์น้ำมัน และพบว่าพฤติกรรมของเกษตรกร ที่มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้และการป้องกันตนเองจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชยังไม่ถูกต้อง รวมทั้งขาดความ ตระหนักในการป้องกันตนเอง โดยยังคงมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับอันตราย จากสารเคมีเช่น การผสม สารเคมีหลายชนิดในถังเดียวกัน การไม่ใส่กางเกงขายาว ถุงมือยาง รองเท้ายางขณะฉีดพ่น และไม่ได้อาบน้ำ ทันทีหลังฉีดพ่นเสร็จ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานในการป้องกันอันตรายจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและ ลดอัตราป่วยในพื้นที่ ต้องอาศัยการทราบถึงพฤติกรรมและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกัน ตนเองจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกร และยังพบว่าเกษตรกรมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมี รูปแบบการเกษตรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากการเกษตรทำเพื่อการบริโภคมาเป็นการเกษตรเศรษฐกิจ เกษตรกรต้องการเพิ่มผลผลิตและรักษาคุณภาพของสินค้า สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชชนิดออกาโนฟอสและ คาร์บาร์เมทได้ถูกนำมาใช้ในแปลงผักและไร่นาของเกษตรกรอย่างแพร่หลายประกอบกับการขาดองค์ความรู้ ในการใช้สารเคมีส่งผลให้เกิดสารพิษตกค้างในผัก และจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างเกษตรกร ๑๐๒ คน พบว่า ร้อยละ ๑๘.๖๓ อยู่ในระดับเสี่ยง รองลงมา ร้อยละ ๑๒.๗๕ อยู่ในระดับไม่ปลอดภัย ร้อยละ ๓๖.๒๗ อยู่ใน ระดับปลอดภัย และร้อยละ ๓๒.๓๕ อยู่ในระดับปกติ (การศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อระดับ สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างในเลือดเกษตรกรอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ (เจริญพงษ์ กังเฮ, ๒๕๔๔) ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเขาเพดาน ตระหนักถึงความจำเป็นในการ จัดกิจกรรมเพื่อดูแลสุขภาพเกษตรกรในชุมชน ประกอบด้วยการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น การสัมภาษณ์ด้วยแบบ ประเมินความเสียง การเจาะเลือดตรวจคัดกรองปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดเพื่อสืบค้นความผิดปกติ ในระยะเริ่มแรกว่าเพื่อป้องกันและลดความสูญเสียจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และให้ความรู้แก่เกษตรกร เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืช วิธีการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพเบื้องต้นด้วยตัวเอง การวินิจฉัยและการรักษาเบื้องต้น การส่งต่อเพื่อพบแพทย์และการแนะนำการใช้สมุนไพรลดล้างพิษ จึงได้ จัดทำโครงการตรวจคัดกรองค้นหาความเสี่ยงสุขภาพประชาชนจากภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ขึ้นเพื่อให้ เกษตรกรและประชานชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ได้รับการเจาะเลือดตรวจ และสร้างความรู้และความตระหนักเรื่อง ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย ได้รับการเจาะเลือดตรวจคัดกรองค้นหาระดับสารเคมีฆ่าแมลงตกค้างในร่างกายโดยวิธี Reactive Paper test 2. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่ตรวจพบภาวะเสี่ยง ในระดับ มีความเสี่ยงและระดับไม่ปลอดภัย ได้รับการส่งเสริมสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย 1.จำนวนกลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจเลือดหาปริมาณสารเคมีตกค้างไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 2.จำนวนกลุ่มเป้าหมาย ในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีสารเคมีในเลือดระดับเสี่ยง/ไม่ปลอดภัย เข้าสู่กระบวนการขับสารพิษด้วยสมุนไพรรางจืดและมีผลการตรวจเลือดครั้งที่ 2 มีผลเลือดดีขึ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
คงเหลือ (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 300 | 24,720.00 | 0 | 0.00 | 24,720.00 | |
1 พ.ย. 66 - 30 ก.ย. 67 | กิจกรรมที่ 1 สื่อประชาสัมพันธ์การป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในชุมชนติดตั้ง 3 หมู่บ้าน (ม.1,ม.2,และม.7) เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพในประชาชนทุกครัวเรือน | 0 | 4,500.00 | - | - | ||
1 พ.ย. 66 - 30 ก.ย. 67 | กิจกรรมที่ 2 อบรมให้ความรู้เรื่องพิษภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช การป้องกันตนเองจากอันตรายและการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย | 100 | 13,950.00 | - | - | ||
1 พ.ย. 66 - 30 ก.ย. 67 | กิจกรรมที่ 3 ตรวจคัดกรองปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดในกลุ่มเป้าหมาย (อุปกรณ์ในการตรวจหาปริมาณโคลีนเอสเตอเรสในเกษตรประกอบด้วย) | 100 | 3,210.00 | - | - | ||
1 พ.ย. 66 - 30 ก.ย. 67 | กิจกรรมที่ 4 กลุ่มเสี่ยงทุกรายในรายที่ตรวจพบการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีสารเคมีในเลือดระดับเสี่ยงและระดับไม่ปลอดภัย เข้าสู่กระบวนการบำบัดพิษด้วยสมุนไพรรางจืดต่อเนื่องอย่างน้อย 10 วัน | 0 | 1,680.00 | - | - | ||
1 พ.ย. 66 - 30 ก.ย. 67 | กิจกรรมที่ 5 ติดตามและเจาะเลือดซ้ำกลุ่มเสี่ยงที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดพิษด้วยสมุนไพรรางจืด ภายใน 1 เดือน อุปกรณ์ในการตรวจ | 100 | 1,380.00 | - | - | ||
รวมทั้งสิ้น | 300 | 24,720.00 | 0 | 0.00 | 24,720.00 |
๑.ระยะเตรียมการ
๑.จัดเตรียมข้อมูลประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่
๒.ประสานงานผู้เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรและบุคลากร และงบประมาณ
- ประชุม อสม. เพื่อชี้แจงโครงการตรวจคัดกรองความเสี่ยงสุขภาพประชาชนจากภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและชี้แจงการดำเนินงานคัดกรองเกษตรกรกลุ่มกลุ่มเสี่ยงตามแบบประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (นบก.1-56) เพื่อเข้าร่วมโครงการ
- ดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์การเจาะเลือดตรวจคัดกรองปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดของเกษตรกลุ่มเสี่ยงพร้อมทั้งจัดซื้อสมุนไพรรางจืด
๒.ระยะดำเนินการ
๑. จัดทำป้ายสื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักเรื่องลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพแก่ประชาชน ในพื้นที่ หมู่ 1,หมู่2 และหมู่.7 (หมู่บ้านละ 1 ป้าย)
๒. จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้พิษภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงจาก การประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประเมินผลการตอบแบบประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (นบก.1-56)
3. กิจกรรมตรวจคัดกรองตรวจเลือดกลุ่มเป้าหมายโดยตรวจคัดกรองปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดเพื่อสืบค้นความผิดปกติในระยะเริ่มแรกรายบุคคล
4. ส่งเสริมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงทุกรายในรายที่ตรวจพบการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีสารเคมีในเลือดระดับเสี่ยง/ไม่ปลอดภัย เข้าสู่กระบวนการบำบัดพิษ ด้วยสมุนไพรรางจืดต่อเนื่องอย่างน้อย 10 วัน
5. ติดตามและเจาะเลือดซ้ำกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการส่งเสริมสุขภาพด้วยสมุนไพรรางจืดภายใน 1 เดือน
๓.สรุปผลการดำเนินโครงการ
๑.เจ้าหน้าที่ประชุมสรุปผลโครงการ
๒.รายงานผลการดำเนินงานต่อกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลนาเมืองเพชร
- เกษตรกรมีพฤติกรรมการใช้สารเคมีที่ถูกต้องปลอดภัยและมีความตระหนักเรื่องลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร
- ทำให้เกษตรกรได้ทราบสถานการณ์ความเสี่ยงสุขภาพจากสารเคมีตกค้างในร่างกายเพื่อกำหนดมาตรการส่งเสริมการลดผลกระทบจากโรคที่สืบเนื่องจากพิษสารเคมีกำจัดแมลงและสารเคมีกำจัดวัชพืช ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2567 09:19 น.