โครงการ 1 ตำบล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ปี 2567
ชื่อโครงการ | โครงการ 1 ตำบล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ปี 2567 |
รหัสโครงการ | 67-L3070-1-2 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยาบี |
วันที่อนุมัติ | 23 มกราคม 2567 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กุมภาพันธ์ 2567 - 30 กันยายน 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2567 |
งบประมาณ | 20,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวรัตติญา คงมาก |
พี่เลี้ยงโครงการ | นายมะรอกี เวาะเลง |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.782,101.246place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 80 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
1.1 กลุ่มโรค NCDs (Noncommunicable diseases หรือโรคไม่ติดต่อ) ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลก ทั้งในมิติของจำนวนการเสียชีวิตและภาระโรคโดยรวม โดยประเทศไทย มีอัตราการเสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อต่ำสุดเมื่อเทียบในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียใต้-ตะวันออก (SEARO) จากข้อมูลปีพ.ศ.2559 โรคไม่ติดต่อยังคงเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของประชาชนไทยทั้งในแง่ภาระโรคและอัตราการเสียชีวิตอัตราการเสียชีวิต ก่อนวัยอันควร (30-69 ปี) จากโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ ประกอบด้วย โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจขาดเลือด, โรคเบาหวาน, ภาวะความดันโลหิตสูง และโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 ถึงปีพ.ศ. 2559 หลังจากนั้น มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยและคงที่ในปีพ.ศ. 2561 โดยโรคหลอดเลือดสมองมีอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรสูงที่สุดเท่ากับ 44.3 รายต่อประชากรแสนคน และอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคหลอดเลือดสมองในผู้ชายสูงกว่าเพศหญิง
1.2 สภาพปัญหา : อุบัติการณ์การเกิดโรคความดันโลหิตสูง และเบาหวานรายใหม่มีแนวโน้มลดลง โดยมีปัจจัยเชิงบวกด้านพฤติกรรม ในประชากรที่ดีขึ้นทั้งในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ และวัยรุ่น คือ ความชุกของการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงเชิงลบที่คุกคามสุขภาพคือการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล และการมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ อาจกล่าวได้ว่าการลดลงของอุบัติการณ์เบาหวาน และภาวะความดันโลหิตสูง เป็นผลจากมาตรการการควบคุม ป้องกันโรค และปัจจัยเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในบางช่วงเวลาความชุกของ ปัจจัยเสี่ยง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ทว่ายังคงเป็นการเปลี่ยนแปลงในอัตราที่ไม่มาก นอกจากนั้นอาจสะท้อนว่าควรเพิ่มมาตรการ และ ความเข้มข้นในการดำเนินมาตรการเพื่อปรับแนวโน้มให้เปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการด้านการควบคุมการบริโภค อาหารหวาน มัน และเค็ม นอกจากนั้นควรมีการสำรวจข้อมูลสถานการณ์การบริโภคอาหารและปริมาณโซเดียมที่บริโภคต่อวันอย่างต่อเนื่อง
1.3 ความเร่งด่วน / ผลที่คาดหวัง : จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหา เฝ้าระวัง ติดตามกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ป้องกันไม่ให้ป่วย และกลุ่มป่วยสามารถควบคุมโรคได้ เกิดเครือข่ายในการดูแลสุขภาพที่เข้มแข็งโดยเน้นการสร้างเสริมสุขภาพ การพึ่งพาตนเอง รพ.สต.ยาบี จึงได้จัดทำโครงการ 1 ตำบล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ปี 2567 โดยใช้กลไกการดำเนินงานของเครือข่ายสุขภาพในชุมชน เพื่อขับเคลื่อนงานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ในการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้ป่วย และกลุ่มป่วยสามารถควบคุมโรคได้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อกลุ่มเป้าหมายเกิดความตระหนักทางสุขภาพแล้ว จะนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดภาวะการเป็นโรค ชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อน ชุมชนเข้มแข็งด้านสุขภาพ สามารถดูแลสุขภาพกันเองในชุมชนได้
ตำบลยาบี(จากทะเบียนผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยาบี) ปี 2564 พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการคัดกรองความเสี่ยงประชากร 35 ปี ขึ้นไป ร้อยละ 90.62 (พบกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน จำนวน 219 คน ร้อยละ 17.84 สงสัยป่วย 2 ร้อยละ 0.16 และมีอัตราป่วยด้วยเบาหวานรายใหม่ จำนวน 10 คน ร้อยละ 0.81 พบกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง 98 คน ร้อยละ 8.58 กลุ่มสงสัยป่วย 85 คน ร้อยละ 7.44 อัตราป่วยด้วยความดันโลหิตสูงรายใหม่จำนวน 19 คน ร้อยละ 1.66
ตำบลยาบี (จากทะเบียนผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยาบี) ปี 2565พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการคัดกรองความเสี่ยงประชากร 35 ปี ขึ้นไป
ร้อยละ 90.0 (พบกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน จำนวน 201 คน ร้อยละ 16.63 สงสัยป่วย 1 ร้อยละ 0.08 และมีอัตราป่วยด้วยเบาหวานรายใหม่ จำนวน 8 คน ร้อยละ 0.66 พบกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง 95 คน ร้อยละ 8.79 กลุ่มสงสัยป่วย 38 คน ร้อยละ 3.51 อัตราป่วยด้วยความดันโลหิตสูงรายใหม่จำนวน 7 คน ร้อยละ 0.64
ตำบลยาบี (จากทะเบียนผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยาบี) ปี 2566พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการคัดกรองความเสี่ยงประชากร 35 ปี ขึ้นไป
ร้อยละ 95.38 (พบกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน จำนวน 252 คน ร้อยละ 20 สงสัยป่วย 9 ร้อยละ 0.71 และมีอัตราป่วยด้วยเบาหวานรายใหม่ จำนวน คน ร้อยละ 0.72 พบกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง 111 คน ร้อยละ 9.8 กลุ่มสงสัยป่วย 58 คน ร้อยละ 5.1 อัตราป่วยด้วยความดันโลหิตสูงรายใหม่จำนวน 12 คน ร้อยละ 0.95
จากข้อมูลดังกล่าวโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยาบี จึงได้เห็นถึงความสำคัญในการการดูแลเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านสุขภาพการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมและสามารถลดโรคลดเสี่ยงโรคเรื้อรังเบาหวาน ความดัน จึงได้จัดทำโครงการ 1 ตำบล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ปี 2567 ขึ้น โดยเน้นในกลุ่มที่เสี่ยงและเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานและความดันเพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้ และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดการเกิดโรคเรื้อรังได้ในอนาคตได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อเฝ้าระวังและค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ 1.ผู้ป่วยรายใหม่โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานลดลงร้อยละ 5 |
1.00 | |
2 | เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงสูงได้รับแนวทางการปรับเปลี่ยนตามแนวทางปิงปองจราจรชีวิต 7 สี และหลักการ 3 อ 2 ส 2.จำนวนกลุ่มเสี่ยงสูงที่เข้าร่วมโครงการได้เข้าระบบการเฝ้าระวังตนเองตามแนวทางปิงปองจราจร 7 สีและปรับเปลี่ยนตามความเสี่ยงของตนเอง โดยยึดหลัก 3 อ 2 ส ร้อยละ 80 |
1.กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูง มีทักษะในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงได้ไม่กลายเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 2.จำนวนกลุ่มเสี่ยงสูงที่เข้าร่วมโครงการได้เข้าระบบการเฝ้าระวังตนเองตามแนวทางปิงปองจราจร 7 สี และปรับเปลี่ยนตามความเสี่ยงของตนเอง โดยยึดหลัก 3 อ 2 ส ร้อยละ 80
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2567 16:12 น.