กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

ในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญ ก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ ทั้ง ในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการเมืองนั้น การพัฒนาทรัพยากรด้านบุคคลนับมีความสำคัญ และมีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นลำดับแรกสุด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กประถมวัยคือเด็กช่วงอายุ ๐ - ๕ ปี เป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดของการเจริญเติบโต ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาจึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะมีส่วนร่วมผลักดันให้เกิดการพัฒนาดังกล่าว ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนา ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่การดูแล การปฏิบัติตนของหญิงขณะตั้งครรภ์ บุคคลในครอบครัว และชุมชนเป็นต้น ปัจจุบันพัฒนาการของเด็กไทยโดยเฉพาะความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) มีแนวโน้มลดลง ปัจจัยที่ส่งผลต่อสติปัญญาเด็ก ได้แก่ ภาวะทุพโภชนาการ เช่น การขาดไอโอดีน โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กของหญิงตั้งครรภ์ และการขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด ซึ่งแม่ควรดูแลครรภ์ให้สมบูรณ์ในระยะเวลาของการตั้งครรภ์ เพื่อลดภาวะเสี่ยง และเสริมสร้างเด็กให้แข็งแรงสมบูรณ์พร้อม และจากตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ได้กำหนดให้หญิงตั้งครรภ์ฝากครรภ์ตามเกณฑ์คุณภาพ ๘ ครั้งคุณภาพ ร้อยละ ๕๐ และเด็กแรกเกิดมีน้ำหนักน้อยกว่า ๒,๕๐๐ กรัม ไม่เกินร้อยละ ๗ ใน ๑๐๐๐ วันแรกของชีวิต นับตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงสองขวบปีแรก เป็นช่วงที่โครงสร้างสมองมีการพัฒนาสูงสุดส่งผลต่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น เด็กจึงควรได้รับสารอาหาร ที่ครบถ้วนในช่วงดังกล่าว โดยช่วง ๒๗๐ วัน อยู่ในท้องแม่ แม่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ตับ ปลา ไข่ ผัก ผลไม้ และนมสดรสจืด ช่วง ๑๘๐ วัน (แรกเกิดถึง ๖ เดือน) เป็นช่วงที่ลูกควรได้กินนมแม่อย่างเดียว ๖ เดือนเต็ม เพราะนมแม่เป็นอาหารที่ดีสุดสำหรับลูก จากนั้น ๕๕๐ วัน (หลัง ๖ เดือน ถึง 2 ปี) ให้ลูกกินนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัย เพื่อเป็นการเตรียมสมอง ร่วมกับการพัฒนาทักษะของเด็กโดยกระบวณการกระตุ้นผ่านกิจวัตรประจำวัน ในรูปแบบกิน กอด เล่น เล่า นอน เฝ้าดูฟัน ที่เหมาะสมจากผู้ปกครอง และชุมชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเด็กให้มีคุณภาพ     ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้าน กม.๗ ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จึงได้จัดทำโครงการ แม่แข็งแรง ลูกสมบูรณ์ เพิ่มพูนไอคิว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้าน กม.๗ ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ขึ้น เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ บุคคลในครอบครัว และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจในการดูแลเลี้ยงดูบุตรได้อย่างถูกวิธี และที่สำคัญเพื่อให้แม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเลี้ยงดูบุตร