โครงการรณรงค์ และป้องกันการระบาดของโรคหัด ปีงบประมาณ 2568
ชื่อโครงการ | โครงการรณรงค์ และป้องกันการระบาดของโรคหัด ปีงบประมาณ 2568 |
รหัสโครงการ | 68-L2502-2-03 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลกาลิซา |
วันที่อนุมัติ | 15 พฤศจิกายน 2567 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ธันวาคม 2567 - 28 กุมภาพันธ์ 2568 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 มีนาคม 2568 |
งบประมาณ | 60,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายมะนาเซ มะหะมะ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.225,101.661place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคหัด เกิดจากเชื้อไวรัส Measles ติดต่อโดยการไอ จาม หรือพูดคุยระยะใกล้ชิด แพร่กระจายได้ง่าย เมื่อผู้ป่วยหายใจหรือไอ จาม ละอองอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ระยะฟักตัวประมาณ 8 - 12 วัน จากวันที่เริ่มสัมผัสโรคจนถึงมีอาการและประมาณ 14 วัน โดยเฉลี่ยจากวันที่สัมผัสโรคจนถึงมีผื่นเกิดขึ้น ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อ ได้ 4 วันก่อนผื่นขึ้น ไปจนถึงหลังผื่นขึ้นแล้ว 4 วัน อาการแสดงของโรคเริ่มด้วยมีไข้ น้ำมูกไหล มักจะไอ แห้ง ๆ ตลอดเวลา หลังจากนั้นจะมีไข้สูง ตาแดงก่ำและแฉะ อาจมีไข้สูงประมาณ 3 - 4 วัน จึงเริ่มมีผื่นขึ้นลักษณะ ผื่นนูนแดง (maculopapular rash) ติดกันเป็นปื้น ๆ ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและรุนแรงคือปอดอักเสบและสมอง อักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้โดยเฉพาะในเด็กเล็ก การตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการเจาะเลือดเพื่อ ตรวจหาภูมิคุ้มกันชนิด IgM ต่อไวรัสหัดด้วยวิธี ELISA ให้เจาะเลือดเพียงครั้งเดียว ในช่วง 1 - 30 วันหลังผื่นขึ้น หรือเก็บตัวอย่าง จาก throat swab หรือ nasal swab ตรวจหาสารพันธุกรรมหรือเพาะแยกเชื้อไวรัส โดยควรเก็บในช่วง 1-14 วันหลังผื่นขึ้น แนะนำให้ทำในกรณีเกิดการระบาด หรือเป็นผู้ป่วยรายแรกของพื้นที่ ข้อมูลการเฝ้าระวังโรคหัดจากฐานข้อมูลโครงการกำจัดโรคหัด (Measle Elimination Online) กรมควบคุมโรค พบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 17 มิถุนายน 2567 พบว่ามีรายงานผู้ป่วยไข้ออกผื่นหรือสงสัยหัดทั้งสิ้น 1,674 ราย พบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผล ตรวจทางห้องปฏิบัติการ 844 ราย และมีประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา 125 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1.47 ต่อแสนประชากรซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ป่วยในช่วงเวลาเดียวกันของสามปีที่ผ่านมาไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย คือ 1 : 1 ในจำนวนนี้มีสัญชาติไทยร้อยละ99.69 สัญชาติเมียนมาร์ร้อยละ 0.21 และสัญชาติรัสเซียร้อยละ 0.10 อายุระหว่าง 2 เดือน – 52 ปี (มัธยฐาน 4 ปี) พบอัตราป่วยในกลุ่มอายุต่ำกว่า 5 ปี มากที่สุด 22.38 ต่อแสนประชากร มีการรายงานผู้ป่วยยืนยันหัดใน 16 จังหวัด โดยจังหวัดปัตตานีมีอัตราป่วยสูงสุด 79.23 ต่อแสนประชากร ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 73 ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน จังหวัดที่มีการระบาดสูงสุดพบมีความครอบคลุมของวัคซีนต่ำ MMR1 ร้อยละ 51.50 และ MMR2 ร้อยละ 38.24 นอกจากนี้จากการทบทวนข้อมูลความครอบคลุมของวัคซีนหัด หัดเยอรมัน และคางทูม (MMR) จากฐานข้อมูล HDC พบว่าประเทศไทยมีจังหวัดที่มีความครอบคลุมของวัคซีน MMR2 ยังไม่ได้ตามเกณฑ์ คือมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 95 ถึง 68 จังหวัด (ร้อยละ 88) และพบการรายงานผู้ป่วยกลุ่มก้อนโรคหัด จำนวน 118 เหตุการณ์ จำนวนผู้ป่วยระหว่าง 2 – 16 ราย (มัธยฐาน 3 รายต่อการระบาด) เป็นการรายงานการระบาดในหมู่บ้าน 73 แห่ง โรงเรียน 40 แห่ง โรงพยาบาล 1 แห่ง งานแสดงดนตรี1 แห่ง และโรงงาน 1 แห่ง พบการระบาดมากที่สุดในจังหวัดปัตตานี ร้อยละ 62 จากการ ติดตามสถานการณ์การระบาดพบว่าแนวโน้มการรายงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภูเก็ต และระนอง ดังนั้น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลกาลิซา เล็งเห็นถึงปัญหาการระบาดของโรคหัด จึงได้จัดทำโครงการรณรงค์ และป้องกันโรคหัด ปีงบประมาณ 2568 เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหัดในพื้นที่
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหัด การปฏิบัติตนในการป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคหัด สามารถป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ได้ |
||
2 | เพื่อให้ประชาชนฉีดวัคซีนกระตุ้นป้องกันโรคหัด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด |
รวมทั้งสิ้น | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | 0.00 |
1 ประชาชนสามารถป้องกัน และเฝ้าระวังตนเองจากการติดเชื้อโรคหัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2 ประชาชนได้รับวัคซีนโรคหัด สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 11:24 น.