โครงการไกลชรา กายาแข็งแรง ใส่ใจผู้ด้อยโอกาส ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เทศบาลตำบลบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ปี 2568
ชื่อโครงการ | โครงการไกลชรา กายาแข็งแรง ใส่ใจผู้ด้อยโอกาส ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เทศบาลตำบลบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ปี 2568 |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโล๊ะจูด |
วันที่อนุมัติ | 1 มกราคม 2568 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2568 - 30 สิงหาคม 2568 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2568 |
งบประมาณ | 20,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวฟาติน เด่นตุลาการ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2565 ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีถึงประมาณ 12.1 ล้านคน คิดเป็นเกือบร้อยละ 18.3 ของประชากรทั้งประเทศ ที่มีอยู่ 66.18 ล้านคน องค์การสหประชาชาติได้ให้นิยามว่าประเทศใดมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ในสัดส่วนเกิน 10% ของประชากรทั้งประเทศ ถือว่าประเทศนั้นได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ดังนั้นประเทศไทยจึงนับได้ว่าได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว (สถิติผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ, 2560)
เนื่องจากผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ผู้สูงอายุต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้นำมาเป็นผู้ตาม ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าลดลง (ดนยา สุเวทเวทิน,2561)ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและความพิการ ดังนั้นการดูแลเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญของครอบครัว ชุมชน และสังคมโดยรวม ประเด็นที่น่าห่วงใย คือเรื่องของการที่ผู้สูงอายุต้องอยู่บ้านเพียงลำพังทำให้อาจมีภาวะเครียดรู้สึกหดหู่ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังโชคดีที่ครอบครัวและเครือญาติยังคงเป็นสถาบันหลักในการดูแลผู้สูงอายุ แต่ภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุได้ รวมทั้งความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุและการดูแลที่เหมาะสมให้ผู้สูงอายุที่มีอายุยืนยาวขึ้นมีสุขภาพแข็งแรงไม่เป็นภาระของบุตรหลานช่วยเหลือตนเองได้ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ (ไพบูลย์ พงษ์แสงพันธ์, 2557)
ข้อเข่าเสื่อมหรือโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นภาวะที่ข้อเข่าผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานานเกิดการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อ ทำให้มีการงอกของกระดูก เวลาเดินจะเจ็บข้อ มีการผิดรูปของข้อเข่า โรคข้อเข่าเสื่อมมักพบในผู้สูงอายุทำให้เกิดความทรมานแก่ผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง คุณภาพชีวิตลดลง และทำให้โรคอื่น ๆ กำเริบ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เนื่องจากออกกำลังกายไม่ได้ โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในผู้สูงอายุ ทำให้เกิดอาการ ปวดเข่า บวม เข่าฝืดยึด มีเสียงดังในเข่า ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ดังปกติ ซึ่งมีความรุนแรงมากน้อยต่างกันไป สาเหตุมีได้หลายประการ เช่น ผลสะสมจากความเสื่อมและการใช้ข้อเข่าที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่วัยหนุ่มสาว การที่มีน้ำหนักตัวมาก ๆ ทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในทุกขณะที่ก้าวเดิน หรือเคยได้รับอุบัติเหตุบริเวณข้อเข่ามาก่อน จากสถานการณ์ข้างต้น พบว่าโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคหนึ่งในสิบโรคที่เป็นสาเหตุสำคัญอันก่อให้เกิดผู้สูงอายุทุพพลภาพในประเทศไทย ทำให้ผู้ป่วยต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้สมรรถภาพในการประกอบอาชีพ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีพยาธิสภาพที่กระดูกอ่อนผิวข้อ อันก่อให้มีอาการปวดจากผิวข้อชำรุดและการอักเสบ หากเป็นต่อเนื่องทำให้เกิดโรค ข้อเสื่อมรุนแรง ช่องว่างผิวข้อหายไป และกระดูกอ่อนผิวข้อชำรุดไปหมด หรือกระดูกปลายข้อทรุดตัว ทำให้เข่าโก่งขึ้นได้ (ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย : แนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข โรคข้อเข่าเสื่อม,2553) ในปัจจุบันพบว่ามีการใช้ยาในการรักษาภาวะข้อเสื่อมนี้เป็นจำนวนมากรองจากยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) โดยเฉพาะยาแก้อักเสบในกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroid Anti-inflammatory Drugs) ซึ่งส่วนมากเป็นการรักษาอาการปวดที่ปลายเหตุเสียมากกว่า และมักจะมีผลเสียในการก่อให้เกิดปัญหาเรื่องแผลในกระเพาะอาหารตามมา อุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมพบประมาณ ๑ ใน ๓ หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๔.๕-๔๕.๖ ของประชากรทั้งประเทศ และอีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญในร่างกายคือ “เท้า” ซึ่งเป็นแหล่งรวมของจุดประสาทต่าง ๆ การที่จะมีสุขภาพที่ดีได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสุขภาพเท้าที่ดีเช่นกัน โดยการดูแลเท้าทั้ง 2 ข้างด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิพอเหมาะและใส่สมุนไพรเข้าไปผสมด้วย (พิมพ์วิภา แพรกหา,2557) ซึ่งสามารถช่วยในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมาบริเวณเท้าได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ระบบ ย่อยอาหารดีขึ้น ลดอาการบวมของเท้าในผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงเป็นต้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการนอนหลับให้ง่ายขึ้น และสามารถลดอาการเครียดในผู้สูงอายุได้
ดังนั้นทางคลินิกการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโล๊ะจูดได้เห็นความสำคัญของการเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยตามหลักของธรรมมานามัยขึ้น คือกายานามัย จิตตานามัย และชีวิตานามัย (อวย เกตุสิงห์,2531) กายานามัยเป็นหลักเพื่อการป้องกันก่อนการเจ็บป่วย เช่น การรับประทานอาหารด้วยการใช้สมุนไพร การออกกำลังกายด้วยท่าบริหารฤๅษีดัดตน เป็นต้น จิตตานามัย คือ หลักการบริหารจิตด้วยทาน ศีล ภาวนา ส่วนชีวิตานามัย คือ การดำเนินชีวิตชอบมีอาชีพสุจริต เดินสายกลางอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและกิจกรรมเสริมคุณค่าเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถแสดงออกถึงศักยภาพของตนเอง และเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือผู้สูงอายุอื่นให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกาย และจิตใจ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมมีคุณภาพชีวิตและเห็นคุณค่าตนเองมากขึ้น ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมมีคุณภาพชีวิตและเห็นคุณค่าตนเอง ร้อยละ 90 ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม |
80.00 | 90.00 |
2 | ผู้สูงอายุได้รับการรักษาข้อเข่าเสื่อมและอาการปวดเท้าด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย ผู้สูงอายุได้รับการรักษาข้อเข่าเสื่อมและอาการปวดเท้าด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย ร้อยละ 90 ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม |
80.00 | 90.00 |
3 | ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมมีคุณภาพชีวิตและเห็นคุณค่าตนเอง ร้อยละ 80 ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม |
70.00 | 80.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
คงเหลือ (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 20,000.00 | 0 | 0.00 | 20,000.00 | |
1 ม.ค. 68 - 30 ส.ค. 68 | กิจกรรมนวดรักษา ประคบสมุนไพร | 0 | 14,210.00 | - | - | ||
1 ม.ค. 68 - 30 ส.ค. 68 | กิจกรรมการพอกเข่า แช่เท้าสมุนไพร ในผู้สูงอายุ | 0 | 4,650.00 | - | - | ||
1 ม.ค. 68 - 30 ส.ค. 68 | กิจกรรมลงเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียง | 0 | 1,140.00 | - | - | ||
รวมทั้งสิ้น | 0 | 20,000.00 | 0 | 0.00 | 20,000.00 |
1.ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำความรู้ไปใช้และปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน 2.ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมมีคุณภาพชีวิตและเห็นคุณค่าตนเองมากขึ้น 3.ผู้สูงอายุได้รับการรักษาข้อเข่าเสื่อมและอาการปวดเท้าด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 00:00 น.