โครงการป้องกัน ควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปีงบประมาณ 2568
ชื่อโครงการ | โครงการป้องกัน ควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปีงบประมาณ 2568 |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านวังกระ |
วันที่อนุมัติ | 6 กุมภาพันธ์ 2568 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 17 กุมภาพันธ์ 2568 - 31 สิงหาคม 2568 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2568 |
งบประมาณ | 11,100.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายอิมรอน ปาละมาณ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลตาเซะ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.62,101.253place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 17 ก.พ. 2568 | 31 ส.ค. 2568 | 11,100.00 | |||
รวมงบประมาณ | 11,100.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 40 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 40 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : ระบุ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | ร้อยละของประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน | 38.21 | ||
2 | ร้อยละประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง | 11.31 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือเรียกย่อว่า NCD (Non-communicable disease, NCD) คือ กลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคจึงทำให้ไม่สามารถแพร่กระจายจากบุคคลหนึ่งไปอีกบุคคลหนึ่งได้ ซึ่งโรคไม่ติดต่อเรื้องรังนั้นเกิดจากปัจจัยเสี่ยงที่มาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสมต่างๆ เป็นหลัก เช่น การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารหวาน มัน เค็ม และการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง ภาวะน้ำหนักเกิน และอ้วน ที่นำไปสู่การเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องหรือไม่ได้รับการดูแลรักษา จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น และเกิดการสะสมจนเป็นโรคเรื้อรังได้
องค์การอนามัยโลก (WHO) สถิติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกทั้งหมด มีถึง 63% ที่เกิดจากกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญกว่านั้นคือ กว่า 80% เป็นประชากรของประเทศที่กำลังพัฒนาประเทศไทย จากสถิติล่าสุดพบว่ามี 14 ล้านคนที่เป็นโรค ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และที่สำคัญยังถือเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของ ประชากรทั้งประเทศ โดยจากสถิติประชากรที่เสียชีวิต จากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มากกว่า 300,000 คน หรือ คิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันพบว่าอัตราความชุกของ โรคเบาหวานความดันโลหิตสูง พื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 4 ตำบลตาเซะ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูง ที่มารับบริการผู้ป่วยนอก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จำนวนประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปในเขตพื้นที่มารับบริการคัดกรองเบาหวาน กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 1,162 คน ได้รับคัดกรองเบาหวาน 1,069 คน คิดเป็นร้อยละ 92 ได้รับคัดกรองความดันโลหิตสูง กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 1,105 คน ได้รับคัดกรองความดันโลหิตสูง 1,022 คน คิดเป็นร้อยละ 92.49 กลุ่มพบกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน 444 คน คิดเป็นร้อยละ 38.21 กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง 125 คน คิดเป็นร้อยละ 11.31 กลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวาน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 1.72 กลุ่มสงสัยป่วยโรคความดันโลหิตสูง 69 คน คิดเป็นร้อยละ 6.24 และยังพบว่ามีผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูงที่ต้องเข้านอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคเบาหวานความดันโลหิตสูง และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ไม่ทำให้สูญเสียชีวิตทันที แต่ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง เกิดความสูญเสียทั้งทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน ทำให้เกิดข้อจำกัดด้านความสามารถหรือมีความพิการหรือเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร ดังนั้นการควบคุมระดับน้าตาลในเลือด ระดับความดันโลหิตมีความสำคัญในการควบคุมความรุนแรงของโรค และป้องกันการ เกิดภาวะแทรกซ้อน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองโดยกิจกรรม 3อ3ส. จึงเป็นวิธีการที่สำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงสามารถดูแลตนเองและควบคุมโรคได้ นอกจากนี้การให้ความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มอาจเกิดโรคในอนาคตก็มีความสำคัญเช่นกัน หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้ ก็ทำให้แนวโน้มที่จะเกิดโรคเรื้อรังในอนาคตลดลงได้
ปัจจุบันโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังกระพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานเป็นจำนวนผู้ป่วยมากที่สุด รองลงมาคือโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือด โรคหัวใจ แลละโรคไต หากประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ด้านสุขภาพ ตระหนักในการดูแลสุขภาพ เข้ารับบริการคัดกรองสุขภาพ รวมทั้งมีทักษะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม จะสามารถดูแลตนเอง ครอบครัว และชุมชน เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงได้ รวมทั้งเมื่อเกิดการเจ็บป่วยได้รับการดูแลตั้งแต่เริ่มแรก ได้รับการค้นหาภาวะแทรกซ้อน จะลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และชะลอความรุนแรงของโรคได้ ดังนั้น จึงได้จัดโครงการป้องกัน ควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไต ปีงบประมาณ 2568
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้ประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปได้รับการตรวจคัดกรองโรคเรื้อรัง
|
90.00 | |
2 | 2. เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงมีความรู้ด้านสุขภาพ ความเข้าใจและสามารถมีพฤติกรรมที่เหมาะสมในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
|
80.00 |
- ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่ผ่านการประเมินพฤติกรรมสุขภาพ ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
- ประชากรกลุ่มป่วยได้รับความรู้และทักษะเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- ประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพ
- ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2568 13:30 น.