โครงการฝ่ามือฟื้นชีวา CPR พาชีวิตรอด
ชื่อโครงการ | โครงการฝ่ามือฟื้นชีวา CPR พาชีวิตรอด |
รหัสโครงการ | 2568-L7161-1-4 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานสาธารณสุขอื่นของ อปท. เช่น กองสาธารณสุขของเทศบาล |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | เทศบาลเมืองเบตง |
วันที่อนุมัติ | 23 เมษายน 2568 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤษภาคม 2568 - 30 มิถุนายน 2568 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กรกฎาคม 2568 |
งบประมาณ | 62,600.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายกเทศมนตรเมืองเบตง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 5.803,101.009place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 60 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
เราทุกคนมีโอกาสเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่กำลังหรือมีโอกาสคุกคามชีวิตได้ตลอดเวลา หากมีความรู้ความสามารถและทักษะในการประเมิน วินิจฉัยและจัดการช่วยฟื้นคืนชีพกับภาวะฉุกเฉินได้อย่าง รวดเร็วภายใน 3 - 5 นาที หลังจากที่ผู้ป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บเกิดอาการควบคู่กับการดูแลผู้ป่วยที่ชีพจรฟื้น กลับมาอย่างเหมาะสม อาจเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและปลอดจากความพิการได้ถึงร้อยละ 50 - 70 แต่หากเกิด ความล่าช้าโอกาสรอดชีวิตอาจลดลงร้อยละ 10 - 20 ต่อ 1 นาที ดังนั้นการได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นอย่าง ทันท่วงทีด้วยวิธีที่ถูกต้อง และมีการส่งต่อผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บต่อไปยังแพทย์หรือสถานพยาบาลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพจะทำให้ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บมีโอกาสรอดชีวิตและกลับคืนมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้ ซึ่งปัจจุบัน ความรู้ใหม่ที่เป็น Evidenced based ด้านการช่วยฟื้นชีวิตได้มีการพัฒนาก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งใน ด้านการประเมิน การแก้ไขและการช่วยเหลือผู้ป่วย ต้องตระหนักเห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของ ความรู้ความสามารถในการช่วยฟื้นชีวิตที่นำสมัย จากข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ พบว่าระหว่างปีงบประมาณ 2560-2567 มีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จาก 224,514 ราย เพิ่มเป็น 384,428 ราย สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานการศึกษาสาเหตุการตายประชากรไทย ปี 2566-2567 ของสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ พบว่า มีการตายนอกโรงพยาบาลด้วยกลุ่มโรคเจ็บป่วยฉุกเฉินร้อยละ 17 ของการตายประชากรไทย (ประมาณ 84,000 คน) ด้วยโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 และ โรงพยาบาลเบตง จากจำนวนผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน มารับการรักษา ณ หน่วยงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน รพ.เบตง ปี 2567 จำนวน 22,972 ราย มีผู้ป่วยมารับการรักษา ด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ด้วยสาเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุเสียชีวิต จำนวน 142 คน อุบัติเหตุพลัดตกหรือหกล้ม จำนวน 1,314 คน อุบัติเหตุสัมผัสกับแรงเชิงกลของวัตถุสิ่งของ จำนวน 142 คน อุบัติเหตุที่คุกคามการหายใจ 8 คน (ข้อมูลจากงานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลเบตง)
งานศูนย์บริการสาธารณสุข กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองเบตง เล็งเห็นถึง ความสำคัญดังกล่าวข้างต้น จึงจัดให้มีการอบรมหลักสูตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) โดยจัดในกลุ่มเป้าหมาย พนักงานเทศบาลเมืองเบตง เป็นปีแรก ซึ่งเป็นหลักสูตรที่อิงมาตรฐานสากลปี 2019 ของสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาและ สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ที่มีรูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะกับ สถานการณ์จำลองกับหุ่นสาธิต รวมทั้งความรู้ใหม่ด้านการช่วยฟื้นคืนชีพที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้และทักษะในการปฐมพยาบาล สามารถช่วยเหลือตนเองและบุคคลใกล้ตัวได้ อย่างถูกต้อง ปลอดภัย ก่อนทีมบุคลากรทางการแพทย์จะมาถึงหรือก่อนส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ซึ่งศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาลเมืองเบตง มีเครื่อง AED จำนวน 3 เครื่อง โดยกำหนดจุดบริการ 3 จุด คือศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาลเมืองเบตง(หลังเดิม) สนามกีฬากลางเทศบาลเมืองเบตงและ ตลาสดเทศบาลเมืองเบตง ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นพื้นเปิดโล่งเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเครื่องมือดังกล่าวได้จึงจำเป็นต้องมีตู้สำหรับตั้งวางเครื่อง“AED” และคำอธิบายการใช้งาน จึงจำเป็นต้องจัดซื้อตู้จัดเก็บจำนวน 3 ตู้ หลายท่านอาจเคยเห็นตู้ใส่อุปกรณ์ที่มีสัญลักษณ์รูปหัวใจสีแดงมีสายฟ้าผ่าอยู่ตรงกลาง พร้อมมีตัวหนังสือเขียนว่า “AED” อยู่ด้านบน ตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้า หรือ ตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน พร้อมทั้งช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตแก่ผู้มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้อย่างมาก เครื่อง AED ( Automatic External Defibrillator ) หรือ เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ชนิดพกพาใช้ร่วมกับการช่วยคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) สามารถอ่านเเละวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจได้อย่างแม่นยำ ใช้ในการช่วยเหลือผู้ที่มี “ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Cardiac Arrest)” เเละสามารถทำการรักษาด้วยการช็อกไฟฟ้าเพื่อหยุดรูปแบบการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้แกนนำสุขภาพและบุคลากรสังกัดเทศบาลเมืองเบตง มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
|
||
2 | เพื่อให้แกนนำสุขภาพและบุคลากรสังกัดเทศบาลเมืองเบตง มีทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้น พื้นฐาน
|
||
3 | เพื่อให้มีจุดติดตั้งเครื่อง AED ( Automatic External Defibrillator ) ให้บริการประชาชนในภาวะฉุกเฉิน
|
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
คงเหลือ (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 120 | 62,600.00 | 0 | 0.00 | 62,600.00 | |
1 พ.ค. 68 - 30 มิ.ย. 68 | ขั้นเตรียมการอบรมเชิงปฏิบัติการและฝึกปฏิบัติให้ความรู้ | 60 | 45,500.00 | - | - | ||
14 พ.ค. 68 | กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการและฝึกปฏิบัติให้ความรู้ | 60 | 17,100.00 | - | - | ||
รวมทั้งสิ้น | 120 | 62,600.00 | 0 | 0.00 | 62,600.00 |
- แกนนำบุคลากรสังกัดเทศบาลเมืองเบตง มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
- แกนนำบุคลากรสังกัดเทศบาลเมืองเบตง มีทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้น พื้นฐาน
- มีจุดติดตั้งเครื่อง AED ( Automatic External Defibrillator ) ให้บริการประชาชนในภาวะฉุกเฉิน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2568 13:19 น.