เยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมทันตสุขภาพแก่มารดาและทารกหลังคลอด
ชื่อโครงการ | เยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมทันตสุขภาพแก่มารดาและทารกหลังคลอด |
รหัสโครงการ | 2561-L6896-1-07 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลตรัง |
วันที่อนุมัติ | 8 ธันวาคม 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ธันวาคม 2560 - 30 กันยายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 15 ตุลาคม 2561 |
งบประมาณ | 10,500.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายไกรสร โตทับเที่ยง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.559,99.616place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | 70 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สุขภาพช่องปากเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดี ช่วยเสริมคุณภาพชีวิต เพราะปัญหาสุขภาพช่องปากจะส่งผลต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้สมบูรณ์ ซึ่งในปัจจุบันแนวคิดการดูแลช่องปาก มิใช่การกำจัดโรคอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีตั้งแต่แรกเริ่มและคงสภาพที่ดีไว้ นั่นคือ ให้ความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ซึ่งดีกว่าการรักษาเพราะกระทำในสภาพปกติ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในการปวดฟัน ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่เสียเวลาในการรักษา ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา และที่สำคัญคือไม่ต้องสูญเสียฟัน โรคฟันผุในฟันน้ำนมยังเป็นปัญหาที่พบมากในเด็กไทย โดยเฉพาะในเขตชนบท เด็กอายุ ๓ ปี ที่เพิ่งมีฟันขึ้นครบ ๒๐ ซี่ มีฟันผุแล้วถึงร้อยละ ๖๑ และเมื่ออายุ ๕ ปี ผุแล้วร้อยละ ๘๐ การรักษาฟันผุในเด็กเล็กทำได้ยากเนื่องจากเด็กมักไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการรักษา การป้องกันฟันผุของเด็กปฐมวัยต้องดำเนินการในช่วงเด็กอายุ ๐ – ๒ ปี โรคฟันผุส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กในระยะยาว ซึ่งสาเหตุที่เด็กเล็กมีสภาวะฟันน้ำนมผุสูง เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ ได้แต่ พฤติกรรมการเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ถูกต้อง เช่น การดูดนมขวดคาปาก การปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนมเป็นประจำ การไม่ดูดน้ำตามหลังดูดนม การทำความสะอาดช่องปากไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ชนิดของนมมีผลต่อการเกิดฟันผุของเด็กวัยนี้เช่นกันสิ่ง เหล่านี้นอกจากทำให้เด็กเกิดโรคฟันผุแล้วยังส่งผลทำให้เกิดสภาวะการเจ็บป่วยต่อระบบอื่นๆ ด้วยในร่างกาย ได้แก่ ภาวะโภชนาการ การเจริญเติบโต การพัฒนาการเรียนรู้ และการพัฒนาบุคลิกภาพในเด็กเล็ก ฯลฯ การเฝ้าระวังโดยการดูแลเด็กเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้พบปัญหาเริ่มแรงและสามารถให้การป้องกันก่อนที่จะเกิดฟันผุได้ มาตรการทางวิชาการที่จะช่วยป้องกันการก่อตัวของเชื้อโรค และยังอาจหยุดหรือชะลอการเกิดฟันผุ ในระยะเริ่มแรกได้ ได้แก่ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ การทำความสะอาดช่องปากสม่ำเสมอ และลดการบริโภคน้ำตาล การพัฒนาระบบเฝ้าระวังฟันผุในชุมชน และสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กให้กับผู้ปกครอง และชุมชนจะช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นเพื่อลดปัญหาการเกิดโรคในช่องปากของเด็กเล็กตั้งแต่เนิ่นๆ จึงควรมีการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่มารดาหลังคลอด ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็ก เพื่อมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอนามัย โดยเฉพาะพฤติกรรมการทำความสะอาดช่องปากและพฤติกรรมการบริโภคแก่เด็กเพื่อช่วยกันเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดีให้กับเด็กต่อไป กลุ่มงานการพยาบาลชุมชนโรงพยาบาลตรัง จึงได้จัดทำโครงการเยี่ยมบ้านเพื่อส่งเสริมทันตสุขภาพแก่มารดาและทารกหลังคลอดขึ้น เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากแก่มารดาหลังคลอดและทารกทำให้ลดภาระค่ารักษาทางทันตกรรมและเป็นโอกาสที่สามารถเข้าถึงผู้เลี้ยงดูเด็กโดยตรงซึ่งจะทำให้ลดการเกิดโรคในช่องปากส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายมีสุขภาพช่องปากที่ดีต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้มารดา – ทารกหลังคลอดที่พบได้รับการเยี่ยมบ้าน มีความรู้ มีความเข้าใจการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและทารกได้อย่างถูกต้อง มารดา – ทารกหลังคลอดที่พบทุกรายได้รับการเยี่ยมบ้าน มีความรู้ มีความเข้าใจสามารถนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและของทารกได้มากขึ้น ร้อยละ ๘๕ |
0.00 | |
2 | เพื่อให้มารดา – ทารกหลังคลอดที่พบทุกรายได้รับการสาธิต/คำแนะนำในการฝึกทักษะการทำความสะอาดช่องปาก ร้อยละ ๑๐๐ มารดา – ทารกหลังคลอดที่พบได้รับการเยี่ยมบ้าน |
0.00 | |
3 | กิจกรรมเยี่ยมมารดา และทารกหลังคลอดที่บ้านถือเป็นกิจกรรมที่จำเป็นและมีประโยชน์ จากแบบประเมิน มารดาหลังคลอดมีความพึงพอใจกับกิจกรรมเยี่ยมบ้าน ในระดับมาก ไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ ๙๐ |
0.00 |
รวมทั้งสิ้น | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | 0.00 |
๑.มารดา – ทารกหลังคลอดที่พบทุกรายได้รับการเยี่ยมบ้านมีความรู้/มีความเข้าใจการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและของทารกหลังคลอดได้ ระดับมากคิดเป็นร้อยละ ๘๕ ๒.มารดา – ทารกหลังคลอดที่พบทุกรายได้รับการสาธิต/คำแนะนำในการฝึกทักษะการทำความสะอาดช่องปาก คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ๓.มารดาหลังคลอดมีความพึงพอใจกับกิจกรรมเยี่ยมบ้านในระดับมาก ไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ ๙๐
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2561 10:29 น.