ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองในผู้ป่วยเบาหวาน
ชื่อโครงการ | ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองในผู้ป่วยเบาหวาน |
รหัสโครงการ | 61-L7258-1-03 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานสาธารณสุขอื่นของ อปท. เช่น กองสาธารณสุขของเทศบาล |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ศูนย์บริการสาธารณสุขโพธิพงษา |
วันที่อนุมัติ | 28 ธันวาคม 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2561 - 30 มิถุนายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 2,100.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | วไลพร จันทรมณี |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.01,100.474place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สำคัญได้แก่โรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นกลุ่มโรคที่เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังดังกล่าวเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาอันมีเหตุจากปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยได้แก่พฤติกรรมวิถีชีวิตสิ่งแวดล้อมการสูบบุหรี่การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตลอดจนการขาดการออกกำลังกายทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาเช่นไตวายโรคหลอดเลือดสมองอัมพฤกษ์อัมพาตจอประสาทตาเสื่อมผู้ป่วยบางรายต้องถูกตัดเท้าซึ่งภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันชะลอและลดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวได้ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยคงความรู้สึกการเป็นมนุษย์ลดการสูญเสียอวัยวะและภาวการณ์เสียสมดุลเป็นภาระให้กับครอบครัวลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคได้มากยิ่งขึ้นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีอาการรุนแรงขึ้นทีละน้อย หากไม่ได้รับการรักษาควบคุม องค์การอนามัยโรคเล็งเห็นว่ากลุ่มโรค NCDsนั้นถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆสังเกตจากสถิติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรคNCDs ในปีพ.ศ.2552พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกทั้งหมด มีถึงร้อยละ 63 ที่เกิดจากกลุ่มโรค NCDsและที่สำคัญกว่านั้นคือกว่าร้อยละ 80 เป็นประชากรของประเทศที่กำลังพัฒนา สถิติโลก องค์การอนามัยโรคได้ทำนายไว้ว่าในปีพ.ศ.2573ประชากรโลกจำนวน 23 ล้านคนจะเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โดยร้อยละ 85 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ประชากรโลกเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจถึง17 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ48 ของการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อทั้งหมด รองลงมาคือโรคมะเร็ง ร้อยละ 21 โรคถุงลมโป่งพอง รวมโรคปอดเรื้อรังรวมโรคปอดเรื้อรังและหอบหืดร้อยละ ( 4.2 ล้านคน ) และโรคเบาหวานร้อยละ 4 (1.3 ล้านคน )( พรพิศ เรืองขจร, 2560 ) สถิติประเทศไทย ประเทศไทยมีภาระจากกลุ่มโรค NCDs ในสัดส่วนที่สูงกว่านานาชาติ โดยสาเหตุของการเสียชีวิตถึง 3000, 000 กว่ารายปี พ.ศ. 2552 คิดเป็นร้อยละ 73 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีสถิติการเสียชีวิตและผลกระทบจากกลุ่มโรค NCDs มากกว่าทั้งโลก ผลการสำรวจในปีพ.ศ. 2552 กับกลุ่มเป้าหมายประชากรไทยวัยผู้ใหญ่ พบว่าร้อยละ21.4 เป็นโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 6.9 ( 3.2 ล้านคน ) มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง โดยเฉพาะประชากรชายที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง พบว่าร้อยละ 56.7 ที่รู้ตัวและมีเพียงร้อยละ27.1 ที่สามารถควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดได้ ร้อยละ 19.4 หรือเกือบ 9 ล้านคน มีภาวะไขมันในเลือดสูง โดยผู้หญิงมีความชุกมากกว่าผู้ชาย ข้อมูลสำรวจสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงของคนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ยังพบว่ามีสัดส่วน ผู้ที่เป็นโรคอ้วนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ในเพศชายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ( ปีพ.ศ.2535-2552 ) ถึง 4 เท่า โรคกลุ่มนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโลกาภิวัตน์ส่งผลต่อวิถีชีวิตอาหารที่ไม่มีคุณภาพการขาดการออกกำลังกายทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ไขมันในเลือดสูงและโรคอ้วน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเผาผลาญอาหารที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
จากข้อมูลศูนย์บริการสาธารณสุขชุมชนโพธิพงษา พบว่าในปีงบประมาณ2560 มีผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการจำนวน123 คนผลการดำเนินงานพบว่า มีผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี HbA1c > 7 คิดเป็นร้อยละ 59.34 จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาโดยการสอบถามตัวต่อตัว โดยพยาบาลที่ดูแลคลินิคเบาหวาน พบว่าส่วนใหญ่ยังขาดความรู้เรื่องโรคเบาหวาน การรับประทานอาหาร การปฏิบัติตัวที่มีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทางทีมสหวิชาชีพจึงเล็งเห็นว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพมีความสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ปกติ จะส่งผลป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานตามมา
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน การรับประทานอาหาร การดูแลตนเองตนเองอย่างเหมาะสม มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตามหลัก 3 อ. 2 ส. ร้อยละ80 มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น |
0.00 | |
2 | กลุ่มเป้าหมายมีความพึงพอใจในกิจกรรม ร้อยละ 80 มีความพึงพอใจ |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 2,100.00 | 1 | 1,480.00 | |
กิจกรรมการฝึกอบรมให้ความรู้ | 0 | 2,100.00 | ✔ | 1,480.00 |
ขั้นตอนการดำเนินงาน
การทำกิจกรรม แบ่งเป็น 2 วัน โดยจัดกิจกรรมกลุ่มเป็นฐาน 4 ฐาน
ฐานที่ 1 การจัดอบรมให้ความรู้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก3อ.2 ส.ในผู้ป่วยโรค
เรื้อรังด้วยกิจกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.
ฐานที่2 การให้ความรู้เรื่องอาหาร อาหารแลกเปลี่ยน
ฐานที่ 3 การออกกำลังกาย
ฐานที่4 การใช้ยา
โดยลักษณะกิจกรรมในแต่ละฐานได้แก่
1.แลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมายแต่ละคนในการใช้ชีวิต
2.วิธีการคุมน้ำตาลของแต่ละคน
3.ผู้ป่วยตัวอย่างที่สามารถคุมน้ำตาลได้ดี
4.การให้ความรู้โดยทีมสหวิชาชีพประจำฐาน
การติดตามผลโครงการ
1.ประเมินความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน การดูแลตนเองโดยทดสอบจากแบบสอบถามก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ
2.ติดตาม DTX ระยะ 1 เดือน และ FBSที่ระยะเวลา 3 เดือนหลังเริ่มโครงการโดยการประเมินติดตาม
1.ผู้ป่วยกลุ่มโรคเบาหวาน ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีความรู้ ความเข้าใจ เกิดความตระหนัก ในการดูแลสุขภาพตนเองอย่างเหมาะสม 2.ภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยลดลง 3.ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถอยู่ในสังคม ได้อย่างปกติสุข
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2561 08:42 น.