โครงการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กรณีความดันโลหิตสูง เบาหวาน ปีงบประมาณ 2561
ชื่อโครงการ | โครงการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กรณีความดันโลหิตสูง เบาหวาน ปีงบประมาณ 2561 |
รหัสโครงการ | 61-L3321-1-1 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.ปันแต |
วันที่อนุมัติ | 28 ธันวาคม 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2561 - 30 มิถุนายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 กรกฎาคม 2561 |
งบประมาณ | 47,525.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางทัศนีย์ คงเทพ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.783,100.051place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 ม.ค. 2561 | 30 มิ.ย. 2561 | 1 ม.ค. 2561 | 30 มิ.ย. 2561 | 47,525.00 | |
รวมงบประมาณ | 47,525.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 2200 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 98 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 465 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้สภาพปัญหาทางสุขภาพเปลี่ยนไปด้วย ปัจจุบันแนวโน้มปัญหาสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจากสาเหตุโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเหล่านี้เป็นปัญหาที่สำคัญระดับประเทศและระดับโลกซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นสถานการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก(WHO) รายงานว่า ในปี 2552 ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวน 108 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 422 ล้านคน ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุ 18 ขึ้นไป ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 8.5 หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้ว พบว่า ปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนในประเทศไทย จากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี 2556 - 2558 เท่ากับ 14.93, 17.53 และ 17.83 ตามลำดับ เห็นได้ว่า อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป ครั้งที่ 3, 4 และ 5 (ปี 2547, 2552 และ 2557) พบว่า ความชุกของโรคเบาหวาน ของครั้งที่ 3 ร้อยละ 7 ใกล้เคียงกับครั้งที่ 4 ร้อยละ 6.9 ส่วนครั้งที่ 5 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 8.8 (คิดเป็น4.8ล้านคน)นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปี 2551ยังพบว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกในการรักษาพยาบาลโรคเบาหวานเฉลี่ย 1,172 บาทต่อราย ส่วนผู้ป่วยในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ย 10,217 บาทต่อราย รวมค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น 3,984 ล้านบาทต่อปี หากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม 3 ล้านคนต่อปี
จังหวัดพัทลุงมีอัตราตายของผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 3.95ต่ำกว่าในระดับประเทศ อำเภอควนขนุนมีอัตราตาย ร้อยละ 4.39 และ มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นทุกๆปี จากสถิติตั้งแต่ 2558 – 2560ความชุกของผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังนี้ 4.615, 5158, 5,483 ต่อแสนประชากร ตามลำดับตามลำดับ ในพื้นที่รับผิดชอบของ รพ.สต.ปันแต ผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน จากปี
2558 –2560 ผู้ป่วยเบาหวาน 373.38,243.70, 584.89ต่อแสนประชากร ความดันโลหิตสูง 957.79,601.19, 747.36 ต่อแสนประชากร ตามลำดับการที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทำให้ประเทศชาติสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพ ให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วยดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วย แนวทางการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนเมื่อเกิดเป็นโรคแล้วจึงเป็นทางเลือกที่ดี การป้องกันและควบคุมโรคซึ่งสามารถกระทำได้ทั้งการส่งเสริมสุขภาพด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับบุคคลครอบครัวและชุมชน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อคัดกรองคัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูงในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ร้อยละ 90 1.คัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูงในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ร้อยละ 90 |
2046.00 | |
2 | 2.เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.ในกลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรอง ร้อยละ 40 2.กลุ่มเสี่ยงได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตามหลัก 3 อ.2 ส. ร้อยละ 40 |
0.00 | |
3 | ข้อ 3เพื่อติดตามกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX ≥ 100 mg/dL) มารับการเจาะ FBS หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX ≥ 100 mg/dL) มารับการเจาะ FBS หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร้อยละ 60 |
452.00 | |
4 | ข้อ 4 เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่มีอายุ 35-65 ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk ร้อยละ 50 ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่มีอายุ 35-65 ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้น ร้อยละ 50 |
0.00 | |
5 | ข้อ 5 เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานได้รับบริการตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ ร้อยละ 70 ผู้ป่วยเบาหวานได้รับบริการตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ ร้อยละ 70 |
0.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
8 มี.ค. 61 | กิจกรรมคัดกรองคัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูงในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป | 0 | 18,260.00 | ✔ | 18,260.00 | |
8 มี.ค. 61 | กิจกรรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ ๓อ.๒ส.ในกลุ่มเสี่ยง | 0 | 14,825.00 | ✔ | 14,825.00 | |
8 มี.ค. 61 | กิจกรรมเจาะ FBS กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน (ค่า DTX>=100 mg/dL) หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
8 มี.ค. 61 | จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่มีอายุ 35-65ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk | 0 | 7,765.00 | ✔ | 7,765.00 | |
8 มี.ค. 61 | กิจกรรมให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพเท้าและตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ | 0 | 6,675.00 | ✔ | 6,675.00 | |
รวม | 0 | 47,525.00 | 5 | 47,525.00 |
1.สำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย
๒. จัดทำแผนงานโครงการ/ขออนุมัติโครงการ/จัดซื้อวัสดุการแพทย์
๓.ชี้แจงให้ อสม.ทราบขั้นตอนการคัดกรอง และนัดกลุ่มเป้าหมาย
4.ออกดำเนินงานคัดกรองตามแผนที่กำหนดไว้
5. รวบรวมข้อมูลลงบันทึกผลการปฏิบัติงานในโปรแกรม JHCIS
6. จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.ในกลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรอง
7. ติดตามกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX ≥ 100 mg/dL) มารับการเจาะ FBS หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
8. ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยรายใหม่ตาม CPG จากการตรวจค่าน้ำตาลจากหลอดเลือดดำ (FBS) มากกว่า 125 mg/dLจ่ายยารักษา โดย รพ.สต.สำหรับกลุ่มเป้าหมายจากหลังติดตามวัดความดันโลหิตซ้ำแล้วยังมีค่าความดันฯตัวบนมากกว่า ๑๔๐ และ/หรือ ตัวล่างมากกว่า 90 มม.ปรอท, ส่งต่อโรงพยาบาลควนขนุน เพื่อตรวจวัดความดันซ้ำ และวินิจฉัยโรคโดยแพทย์
9. จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่มีอายุ 35-65ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk
10 จัดกิจกรรมให้บริการตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ
11. รวบรวมข้อมูล/บันทึกผลงาน
12. สรุปและรายงานผลการดำเนินงาน
- ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน และความดันได้
- ลดอัตราการเกิดเบาหวานรายใหม่
- กลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรองได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.
- กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX>=100 mg/dL) ได้รับการเจาะFBS ซ้ำเพื่อติดตามผล
- ผู้เข้าร่วมโครงการมีระดับความเสี่ยง CVD risk ลดลง
- ผู้ป่วยเบาหวานได้รับการตรวจเท้าตามเกณฑ์มาตรฐานได้รับการส่งต่อในรายที่พบภาวะผิดปกติ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2561 11:38 น.