โครงการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในคลินิค
ชื่อโครงการ | โครงการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในคลินิค |
รหัสโครงการ | 61-L5207-01-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาหม่อม |
วันที่อนุมัติ | 26 กุมภาพันธ์ 2561 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 เมษายน 2561 - 30 กันยายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 16,250.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายสุทิน พรหมทอง |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางดวงใจ อ่อนแก้ว |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.965,100.529place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
จากสภาพสังคมปัจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้วิถีชีวิตความเป้นอยู่เปลี่ยนสภาพจากเดิม ทำให้พฤติกรรมของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น พฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเอง อันนำไปสู่ ระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายเริ่มจะเสื่อมโทรมลง และมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเรื้อรัง Metabolic ได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะทุกข์ทรมาณ และทำให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิต ข้อมูลทรงระบาดวิทยา พบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคคไม่ติดต่อเรื้อรังทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย คือ เพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านคนในปี ค.ศ. 1995 เป็น 151 ล้านคน ในปี ค.ศ. 2000 และคาดว่าจะเป็น 300 ล้านคน ในปี ค.ศ. 2025 (King และคณะ) ความชุกของโรคเบาหวานในประชากรทุกอายุทั่วโลก พบว่าความชุกในปี ค.ศ. 2000 เท่ากับ 2.8 % และจะเป็น 4.4 % ในปี ค.ศ. 2030 (Wild และคณะ) ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยค.ศ. 1996-1997 พบว่าอุตราความชุก เท่ากับ 4.4 % การวิจัยซึ่งเก็บข้อมูลจากทุกภาคของประเทศ เมื่อปี ค.ศ.2000 พบอัตราความชุกของโรคเบาหวานในประะชากรที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เท่ากับ 9.6 % หรือคิดเป็นจำนวน 2.4 ล้้านคนน ในจำนวนนี้มีผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นเบาหหวานเพียงครึ่งเดียว (4.8%) อีกครึ่งหนึ่งที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานมาก่อน อัตราความชุกของดรคเบาหวานในเมืองสูงกว่าชนบท (National Health Interview and Examination Survey) สถานการณ์ความชุกของโรคเบาหวานของศูนย์สุขภาพชุมชนทรายมูลปี 2008 เท่ากับ 3.0 % ในปี ค.ศ. 2009 เท่ากับดแลฌรคไม่ติดต่อเรืื้อรังงนั้นไม่ได้้จำกัดอยู่เฉพาะโดยแพทย์เท่านั้นแต่ขึ้นอยู่กับการดูแลจนเเองของผู้ป่วยและการตรวจป้้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากยังควรมีการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านเพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาของการดูแลตนเองของผู้ป่วยและการตรวจป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากยัังควรมีการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านเพืื่อจะได้ทราบถึงปัญหาของการดูแลตนเองและร่วมหารือ และแนะนำการแก้ไขปัญหาสุขภาพกับผูู้ป่วยแต่ละรายปัจจุบันผู้ป่วยที่มารัับบริิการดูแลรักษาโรคเรื้อรังดังงกล่าวมีเป็นจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้รัับบริการดูแลภาวะแทรกซ้อนได้อย่างครบถ้วน และการรักษาส่วนใหญ่ยังเน้นโรงพยาบาลเป็นศูุนย์กลาง ทำให้ไม่เกิดความยั่งยืนในระบบดูแลสุุขภาพ ผู้ป่วยและครอบครัวมีศักยภาพในการดูแลตนเองน้อย ทำให้ผุ้ป่วยส่วนใหญ่ต้องพึ่งแพทย์ และทีมงานเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงการที่สามารถให้ประชาชน กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยได้ตระหนักในการดุูแลตนเอง มีความรู้ สร้้างทัศนคติจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และปฏิบััติตัวให้ห่างจากการเกิดโรคแลภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยเพื่อลดงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลผู้ป่วยเบาหวานในตำบลนาหม่อมมี 289 ราย ควบคุุมน้ำตาลในเลือดได้ 35 รายคิดเป็นร้อยละ 9 และผู้ป่วยความดันจำนวน 1,062 ราย ควบคุมความดันโลหิตได้ 105 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.89
ดังนั้น ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุุขภาพตำบลนามม่อมจึงเห็นความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มต้นท่ี่เป็นโรคร่วมกับการป้องกันการเกิดภาวะโรคแทรกซ้อนแก่ผู้ป่วยจึงได้จัดทำโครงการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผูู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูในคลินิกขึ้นเพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้้และมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง ร่วมรับรู้แก้ไขปัญหาร่วมกัน ในเรื่องการปรัับเปลี่ยนพฤติกรรมในด้านต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆให้ผู้ป่วยเกิิดความตระหนักในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้องและมีความมต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อส่งเสริมความรู้และความตระหนักให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และผู้ป่วยโรคเบาหวานมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องตามหลัก 3 อ. และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรค ผู้ป่วยในคลินิกไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน |
0.00 | |
2 | เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและติดตามผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ผู้ป่วยในคลินิกได้รับการเฝ้าระวังติดตาม |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 16,325.00 | 0 | 0.00 | |
21 มี.ค. 61 | การอบรมให้ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคแทรกซ้อน การดูแลตนเองและความตระหนักเกี่ยวกับโรค ตามหลัก 3อ. 2ส. ในผู้ป่วยเบาหวานความดันในคลินิกจำนวน 95 คน แบ่งเป็น 2 รุ่น ๆ ละ 50,45 คน | 0 | 13,950.00 | - | ||
1 เม.ย. 61 - 30 ก.ย. 61 | จัดกิจกรรมเจาะเลือดในผู้ป่วยจำนวน 95 รายเพื่อติดตามภาวะแทรกซ้อน (ผู้ป่วยต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนเจาะมา 10-12 ชม.) | 0 | 2,375.00 | - |
ระยะเตรียมงาน
- จัดประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาหม่อม เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนาหม่อม พยาบาลจาก รพ.สต. บ้านทุ่งโพธิ์ พยาบาลจาก รพ.สต. บ้านทุ่งโพธิ์ บ้านแม่เปียะ เพื่อวางแผนในการดำเนินงาน
- สำรวจกลุ่มเป้าหมาย
- จัดทำโครงการเสนอผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาหม่อมเพื่อพิจารณาเห็นชอบ
- ประสานงานกับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
ระยะดำเนินการ
- จัดกิจกรรมเจาะเลือดเพื่อหาภาวะแทรกซ้อน
- จัดกิจกรรมการอบรมให้ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อน การดูแลตนเองและความตระหนักเกี่ยวกับโรค ตามหลัก 3 อ. 2ส.
- กิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน เพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดีขึ้น
- จััดนิิทรรศการเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
กลุ่มผู้ป่วยมีความรู้และเกิดความตระหนักในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน สามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องในเรืื่องพฤติกรรมสุขภาพเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการบริโภคอาหาร ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีีสุขภาพดีีและนำไปสู่กามมีคุุณภาพชีวิตที่ดีไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2561 12:46 น.