โครงการจัดการโรคไม่ต่ิดต่อเรื้อรังกรณีความดันโลหิตสูงเบาหวาน รพ.สต.บ้านแพรกหา ปี 2561
ชื่อโครงการ | โครงการจัดการโรคไม่ต่ิดต่อเรื้อรังกรณีความดันโลหิตสูงเบาหวาน รพ.สต.บ้านแพรกหา ปี 2561 |
รหัสโครงการ | 11/2561 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านแพรกหา |
วันที่อนุมัติ | 19 กุมภาพันธ์ 2561 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2561 - 31 สิงหาคม 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 79,120.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | รพ.สต.บ้านแพรกหา |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลแพรกหา อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.654,100.01place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สภาพปัญหาทางสุขภาพเปลี่ยนไปด้วย ปัจจุบันแนวโน้มปัญหาสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจากสาเหตุโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเหล่านี้เป็นปัญหาที่สำคัญระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นสถานการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในปี 2552 ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวน 108 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 422 ล้านคน ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 8.5 หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้ว พบว่า ปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนในประเทศไทย จากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี 2556 - 2558 เท่ากับ 14.93, 17.53 และ 17.83 ตามลำดับ เห็นได้ว่า อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป ครั้งที่ 3, 4 และ 5 (ปี 2547, 2552 และ 2557) พบว่า ความชุกของโรคเบาหวาน ของครั้งที่ 3 ร้อยละ 7 ใกล้เคียงกับครั้งที่ 4 ร้อยละ 6.9 ส่วนครั้งที่ 5 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 8.8 (คิดเป็น 4.8 ล้านคน) นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปี 2551 ยังพบว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกในการรักษาพยาบาลโรคเบาหวานเฉลี่ย 1,172 บาทต่อราย ส่วนผู้ป่วยในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ย 10,217 บาทต่อราย รวมค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น 3,984 ล้านบาทต่อปี หากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม 3 ล้านคนต่อปี มารับบริการที่สถานพยาบาล จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ 47,596 ล้านบาทต่อปี (http://www. manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?)
จังหวัดพัทลุงมีอัตราตายของผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 3.95 ต่ำกว่าในระดับประเทศ อำเภอควนขนุนมีอัตราตาย ร้อยละ 4.39 และ มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นทุกๆปี จากสถิติตั้งแต่ 2558 – 2560 ความชุกของผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังนี้ 4.615, 5158, 5,483 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ ในพื้นที่รับผิดชอบของ รพ.สต.บ้านแพรกหา ผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน จากปี 2558 – 2560 ผู้ป่วยเบาหวาน 3,916, 4,281, 4,663 ต่อแสนประชากร ความดันโลหิตสูง 12,595, 13,558, 14,255 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ การที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทำให้ประเทศชาติสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ดังนั้น การส่งเสริมสุขภาพ ให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วย แนวทางการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนเมื่อเกิดเป็นโรคแล้วจึงเป็นทางเลือกที่ดี การป้องกันและควบคุมโรคซึ่งสามารถกระทำได้ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | .เพื่อคัดกรองคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสูงในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.ในกลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรอง เพื่อติดตามกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX>=100 mg/dL) มารับการเจาะFBS หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ๔.เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่มีอายุ 35-65ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานได้รับบริการตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ เพื่อลดอัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและเบาหวานรายใหม่ ประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปได้รับการคัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
.กลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรองได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 |
0.00 |
วิธีดำเนินการ
๑. สำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย
๒. จัดทำแผนงานโครงการ/ขออนุมัติโครงการ/จัดซื้อวัสดุการแพทย์
๓. ชี้แจงให้ อสม.ทราบขั้นตอนการคัดกรอง และนัดกลุ่มเป้าหมาย
๔. ออกดำเนินงานคัดกรองตามแผนที่กำหนดไว้
5. รวบรวมข้อมูล ลงบันทึกผลการปฏิบัติงานในโปรแกรม JHCIS
6. จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.ในกลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรอง
๗. ติดตามกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX>=100 mg/dL) มารับการเจาะFBS หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
๘. ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยรายใหม่ จ่ายยารักษา ตาม CPG หลังติดตามวัดความดันโลหิตซ้ำแล้วยังมีค่าความดันฯตัวบนมากกว่า ๑๔๐และ/หรือ ตัวล่างมากกว่า 90 มม.ปรอท,และค่าน้ำตาลจากหลอดเลือดดำ (FBS) มากกว่า 125 มก.เปอร์เซ็นต์
๙. จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่มีอายุ 35-65 ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk
10. จัดกิจกรรมให้บริการตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ
๑๑. รวบรวมข้อมูล/บันทึกผลงาน
๑๒. สรุปและรายงานผลการดำเนินงาน
ชนิดกิจกรรม งบประมาณ ระบุวัน/ช่วงเวลา
1 คัดกรองคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสูงในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ตค – ธค.๖๐
1.1 กิจกรรมย่อย
จัดซื้อวัสดุแถบตรวจน้ำตาลในเลือด ค่าแถบตรวจระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมเข็มเจาะ จำนวน 60 กล่องๆ ละ 390 บาท เป็นเงิน 23,400 บาท
1.2 กิจกรรมย่อย
จัดจ้างแบบคำแนะนำการปฏิบัติตัว แจ้งผลการคัดกรอง นัดตรวจซ้ำ ค่าถ่ายเอกสารกระดาษสีA4คำแนะนำการปฏิบัติตัว แจ้งผลการคัดกรอง นัดตรวจซ้ำ จำนวน 900 แผ่น เป็นเงิน 900 บาท
2.ให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ ๓อ.๒ส. มค.๖๑-กพ.๖๑
2.1 กิจกรรมย่อย
-จัดอบรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ ๓อ.๒ส.
- เจาะFBS กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX>=100 mg/dL)หลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่มีอายุ 35-65ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk
4.1 กิจกรรมย่อย จัดทำเอกสารประเมินความเสี่ยงและแบบสื่อสารความเสี่ยง 4.2 กิจกรรมย่อย จัดอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่มีอายุ 35-65ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk 4.3 กิจกรรมย่อย. กิจกรรมเยี่ยมบ้านย่องครัว และให้ความรู้รายบุคคล3. ให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพเท้าและตรวจประเมินสุขภาพเท้าตามแนวทางปฏิบัติ
- จัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้นในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่มีอายุ 35-65ปี ที่มีความเสี่ยง CVD risk
1.กลุ่มเป้าหมายได้รับการคัดกรองคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสูงร้อยละ ๙๐
2.ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้ร้อยละ 60
3. อัตราการเกิดเบาหวานรายใหม่ไม่เกินร้อยละ 2.4
๔.กลุ่มเสี่ยงจากการคัดกรองได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. 2 ส.
๕ กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน(ค่า DTX>=100 mg/dL) ได้รับการเจาะFBS ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐
๖. ผู้เข้าร่วมโครงการมีระดับความเสี่ยง CVD risk ลดลง
7. ผู้ป่วยเบาหวานได้รับการตรวจเท้าตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้รับการส่งต่อในรายที่พบภาวะผิดปกติทางเท้า
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2561 10:56 น.