กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อสร้างรากฐานที่ดีของชีวิต
รหัสโครงการ 61-L7258-2-15
ประเภทการสนับสนุน ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ กลุ่มหรือองค์กรประชาชน
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ
วันที่อนุมัติ 30 พฤษภาคม 2561
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 มิถุนายน 2561 - 30 กันยายน 2562
กำหนดวันส่งรายงาน
งบประมาณ 75,500.00 บาท
ผู้รับผิดชอบโครงการ
พี่เลี้ยงโครงการ
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ละติจูด-ลองจิจูด 7.01,100.474place
stars
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
แผนงานอนามัยแม่และเด็ก
stars
3. งวดสำหรับการทำรายงาน
stars
4. กลุ่มเป้าหมาย

(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
stars
5. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

นมแม่เป็นสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และจิตใจ เนื่องจากในนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองครบถ้วน ทำให้ทารกเจริญเติบโตสมวัยและฉลาด โดยพบว่านมแม่จะช่วยเพิ่มระดับความฉลาดเฉลี่ย 3.44 จุด (Horta, Loret de Mola, & Victora, 2015) และจากการตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพบว่าสมองทารกที่ได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวมีการเจริญเติบโตดีกว่าสมองของทารกที่ได้รับนมแม่ร่วมกับนมผสม (Deoni et al., 2013) นมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคทำให้ทารกไม่เจ็บป่วยง่าย ลดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง และระบบทางเดินอาหาร (Duijts, Jaddoe, Hofman, & Moll, 2010) โดยพบว่าทารกที่ได้รับนมแม่จะมีอัตราการนอนโรงพยาบาลจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนล่างน้อยกว่าทารกที่ได้รับนมผสม (Bachrach, Schwarz, & Bachrach, 2003) ลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้จากส่วนผสมของนมวัวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ในร่างกาย และลดอัตราการตายในทารก (Bahl et al., 2005)การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยเสริมสร้างความรักความผูกพันระหว่างแม่และลูก ทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่น อารมณ์ดี ผ่อนคลาย และปลอดภัย ซึ่งการตอบสนองความต้องการของทารกอย่างอ่อนโยนนี้เป็นรากฐานสำคัญในการที่ทารกจะสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลในสังคม พัฒนาความมั่นใจและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองต่อไป (กรรณิการ์, พรรณรัตน์, นันทินา, สิพินดา, และสุดาภรณ์, 2559; กุสุมา, 2555; จันทรรัตน์, 2554) การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นการป้องกันโรคและสร้างเสริมสุขภาพของทารก ดังนั้น การสร้างเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงนับเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญของชีวิตให้กับทารก นอกจากนี้ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังมีประโยชน์กับมารดาหลังคลอดหลายประการ ได้แก่ ช่วยลดการเสียเลือดหลังคลอดและมดลูกคืนสภาพได้เร็ว ช่วยให้มารดามีรูปร่างและน้ำหนักตัวคืนสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนการตั้งครรภ์ได้เร็ว เป็นการเว้นระยะห่างของการมีบุตรโดยธรรมชาติ (กรรณิการ์และคณะ, 2559; กุสุมา, 2555; จันทรรัตน์, 2554; บุณยาพร, 2555) ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม (Franca-Botelho, Ferreira, Franca, Franca, & Honorio-Franca, 2012) และมะเร็งรังไข่ (Li et al., 2014) ช่วยให้ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา และที่สำคัญคือช่วยให้มารดามีความภาคภูมิใจในตนเองที่สามารถทำหน้าที่มารดาที่ดีได้ (กรรณิการ์และคณะ, 2559; กุสุมา, 2555; จันทรรัตน์, 2554; บุณยาพร, 2555) การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นการป้องกันโรคและสร้างเสริมสุขภาพที่ดีของมารดาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่สอดคล้องกับสโลแกนขององค์กรพันธมิตรโลกเพื่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (World Alliance for Breastfeeding Action หรือ WABA) ที่กำหนดไว้สำหรับการรณรงค์ในสัปดาห์นมแม่โลก ประจำปี 2561 ว่านมแม่คือรากฐานที่สำคัญของชีวิต (Breastfeeding foundation of life) (World Alliance for Breastfeeding Action [WABA], 2018) เพราะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนมีความสำคัญทั้งต่อภาวะสุขภาพของมารดาและทารกซึ่งปัจจุบันทั่วโลกได้ให้การยอมรับ โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน(Exclusive Breastfeeding for 6 Months) และหลังจากนั้นแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควบคู่อาหารตามวัยจนอายุครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น (World Health Organization [WHO], 2012)
อย่างไรก็ตาม จากรายงาน The state of the World’s Children พ.ศ. 2560 พบอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวไม่เกิน 6 เดือนของทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 40 แต่ในประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวมีเพียงร้อยละ 23 (United Nations International Children's Emergency Fund [UNICEF], 2017) ซึ่งยังไม่บรรลุเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดให้มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 (กรมอนามัย, 2557; วชิระ, 2560) ในจังหวัดสงขลาพบว่าร้อยละของเด็กแรกเกิดถึงต่ำกว่า 6 เดือนที่ได้นมแม่อย่างเดียว ปีงบประมาณ 2558 - 2560 คือ 71.92, 66.32 และ 55.22 ตามลำดับ (กระทรวงสาธารณสุข, 2561) แม้ว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของจังหวัดสงขลาจะบรรลุตามเกณฑ์ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ คือ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 (กรมอนามัย, 2557; วชิระ, 2560) แต่อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนกลับมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ สำหรับเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นชุมชนเมืองใน จังหวัดสงขลา พบว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนต่ำกว่าเกณฑ์ โดยพบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2554 – 2558 มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ร้อยละ 22.67, 24.85, 25.50, 22.89 และ 20.20 ตามลำดับ (ทะเบียนข้อมูลงานอนามัยแม่และเด็กเทศบาลนครหาดใหญ่, 2560) ดังนั้นการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้บรรลุตามเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จึงยังเป็นเป้าหมายที่สำคัญในงานอนามัยแม่และเด็กในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของหญิงตั้งครรภ์และทารกอย่างยั่งยืน
ตามประกาศฉบับปรับปรุงใหม่ พ.ศ. 2557 ได้กำหนดวัตถุประสงค์กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจับบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ หรือสถานบริการ หรือหน่วยงานสาธารณสุข หรือหน่วยงานอื่น ๆ หรือสนับสนุนให้กลุ่มองค์กรภาคประชาชนดำเนินกิจกรรมด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มแม่และเด็ก สามารถเข้าถึงสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค เรื่องการจัดบริการสาธารณะสุขของกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ในหัวข้อที่ 2 เพื่อส่งเสริมและสนับสนับสนุนในกลุ่มเด็กแรกเกิด-เด็กเล็ก ได้รับบริการตามชุดสิทธิประโยชน์อย่างครอบคลุม ทั่วถึง และเข้าถึงการบริการอย่างเสมอภาค สร้างระบบการดูแลสุขภาพในเด็กแรกเกิด-เด็กเล็ก อย่างมีคุณภาพ และบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อเด็กเจริญเติบโต มีพัฒนาการสมวัย เป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข พัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีการเจริญเติบโต สมองได้รับการเรียนรู้ตามช่วงวัยและมีพัฒนาการสมวัย และสร้างการมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเด็กอย่างองค์รวมจากครอบครัวสู่ชุมชนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตามข้อที่ 2.11 การพัฒนาความรู้และทักษะการดูแลเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียนแก่พ่อแม่ ทางคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เห็นความสำคัญในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก เพราะนมแม่มีประโยชน์ และช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคในมารดาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงจัดทำโครงการการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อสร้างรากฐานที่ดีของชีวิต จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการมีความรู้และทักษะของมารดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การสนับสนุนจากสามีและบุคคลในครอบครัว การส่งเสริมจากบุคลากรในทีมสุขภาพ (อาภา,นิตยา, และอุษณีย์, 2554) และความตั้งใจที่จะเลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง (นิอร, 2558; วรัญญาและสันติ, 2552) นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่สำคัญในสังคมปัจจุบัน คือ มารดาต้องกลับไปทำงานก่อน 6 เดือน มารดาคิดว่าน้ำนมตัวเองไม่เพียงพอทำให้ต้องเสริมนมผสม ในที่สุดจึงตัดสินใจใช้นมผสมเลี้ยงลูกแทนนมแม่ และการส่งเสริมการตลาดของนมผสมผ่านการโฆษณาต่าง ๆ ที่ทำให้แม่เข้าใจผิดว่าน้ำนมตนเองไม่มีคุณค่าหรือนมผสมดีกว่า (วชิระ, 2560) ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้มารดาไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง และต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
การจัดโครงการการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อสร้างรากฐานที่ดีของชีวิตจึงมีเป้าหมายเพื่อเป็นการเพิ่มความรู้และทัศนคติของหญิงตั้งครรภ์และบุคคลในครอบครัว เรื่องความสำคัญและประโยชน์ของนมแม่ ความแตกต่างของนมแม่และนมผสม หลักการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การจัดท่าให้นมแม่ที่ถูกต้อง แม่ทำงานสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ และเพิ่มทักษะการนวดเต้านม การบีบเก็บน้ำนม และการนำน้ำนมที่เก็บไว้ออกมาใช้เลี้ยงลูกของหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งหญิงตั้งครรภ์และบุคคลในครอบครัวมีความรู้และทัศนคติที่ดีแล้ว จะนำไปสู่ความตั้งใจของหญิงตั้งครรภ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน โดยได้รับการสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัว นำไปสู่ภาวะสุขภาพที่ดีของมารดาหลังคลอด และความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน และต่อเนื่องจนถึง 2 ปี ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้ทารกมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และมารดามีสุขภาพดีด้วย โครงการนี้จึงนับเป็นการสร้างรากฐานที่ดีของชีวิตให้กับหญิงตั้งครรภ์และทารก ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนที่ยั่งยืน

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 เพื่อส่งเสริมสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ให้มีความพร้อมในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

1)  หลังเข้าร่วมโครงการหญิงตั้งครรภ์มีความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของนมแม่ ภาวะโภชนาการของหญิงตั้งครรภ์ หลักการปฏิบัติเพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และแนวทางการแก้ไขเพิ่มขึ้นกว่าก่อนเข้าอบรม ร้อยละ 85 2)  หลังเข้าร่วมโครงการหญิงตั้งครรภ์มีทัศนคติที่ดี ต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนเข้าอบรม ร้อยละ 85 3)  หลังเข้าร่วมโครงการหญิงตั้งครรภ์มีความตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนเข้าอบรม ร้อยละ 85 4)  หลังเข้าร่วมโครงการหญิงตั้งครรภ์ ร้อยละ 100 มีความพร้อมในการปฏิบัติทักษะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ ทักษะการอุ้มลูกให้กินนมแม่ การนวดเต้านมและการบีบเก็บน้ำนม

0.00
stars
7. การดำเนินงาน/กิจกรรม
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม กลุ่มเป้าหมาย
(คน)
งบกิจกรรม
(บาท)
ทำแล้ว
 
ใช้จ่ายแล้ว
(บาท)
วันที่ กิจกรรม 0 86,260.00 5 46,525.00
4 ส.ค. 61 กิจกรรมประชุมชี้แจงทีมงานเตรียมงาน วางแผน และสรุป ผลการดำเนินงาน 0 1,280.00 1,280.00
19 ส.ค. 61 กิจกรรมเตรียมงานสถานที่ 0 12,760.00 12,760.00
19 ส.ค. 61 กิจกรรมสื่อและประชาสัมพันธ์ 0 12,760.00 2,000.00
28 ก.ย. 61 กิจกรรมสรุปผลการดำเนินงาน 0 1,643.00 1,643.00
4 ธ.ค. 61 เงินส่วนที่เหลือจากโครงการ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อสร้างรากฐานที่ดีของชีวิต 0 28,975.00 -
2 เม.ย. 62 กิจกรรมอบรมให้ความรู้ 0 28,842.00 28,842.00

 

stars
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

 

stars
9. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2561 11:00 น.