โครงการดูแลรักษาผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควน ประจำปี2561
ชื่อโครงการ | โครงการดูแลรักษาผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควน ประจำปี2561 |
รหัสโครงการ | 61-L2990-1-03 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควน |
วันที่อนุมัติ | 17 กรกฎาคม 2561 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กุมภาพันธ์ 2561 - 30 กันยายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 28,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวคูซัยบ๊ะ ดือราแมง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลควน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.762,101.493place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ พบมากในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมมาก ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม โรคจะดำเนินไปเรื่อยๆ อาจทำให้มีความเจ็บปวด ข้อเข่าผิดรูป เดินได้ไม่ปกติ การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันต่างๆ ก็ทำได้ไม่สะดวก จะมีความทุกข์ทรมานทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจหากประชาชนหรือผู้ที่เริ่มมีอาการข้อเข่าเสื่อมมีความรู้สามารถดูแลตนเองเพื่อชะลอความเสื่อม หรือบรรเทาอาการของข้อเข่าเสื่อม ก็จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
พบว่าในปี ๒๕๔๙ ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมกว่า ๖ ล้านคน พบทั้งผู้สูงอายุและวัยกลางคนมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกทุกๆปี โดยในอดีตโรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุ แต่ทุกวันนี้พบในอายุน้อยลง ในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า ๔๕ ปี ผู้ชายจะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิง ในกลุ่มอายุมากกว่า ๔๕ ปี ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย และยังพบอีกว่าทั้งชายและหญิงที่มีอายุ ๗๕ ปีขึ้นไป จะป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าร้อยละ ๘๐-๙๐ นอกจากอายุจะเป็นปัจจัยที่สำคัญแล้ว ยังพบว่าอาชีพหรือการทำงานหนักก็เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ง่าย ผลการคัดกรองข้อมูลผู้สูงอายุในประเทศไทยในปี ๒๕๕๗ พบว่า ผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ ๙๗.๔ ภาวะโภชนาการร้อยละ ๑๐.๒ โรคเบาหวานร้อยละ ๙.๔ โรคข้อเข่าเสื่อมร้อยละ๘.๗ โรคหัวใจแลหลอดเลือดร้อยละ ๖.๖ ตาต้อกระจกร้อยละ๕.๓ ตามลำดับ ซึ่งการรักษาโดยทั่วไปจะได้รับการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบัน ด้วยการให้ยารับประทาน หรือไม่ก็ผ่าตัด ส่วนการดูแลรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้น จะมีการรักษาด้วยการนวดกดจุด การจ่ายยาสมุนไพร และการพอกยาเพื่อช่วยลดหรือบรรเทาอาการปวด ยาสมุนไพรนั้นถือว่าเป็นยาที่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ และเป็นการนำสมุนไพรที่อยู่รอบๆตัวมาใช้ประโยชน์ ส่วนการพอกด้วยสมุนไพรก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แพทย์แผนไทยนิยมใช้ในการรักษาโรคจับโปงเข่าหรือโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งโรคจับโปงเข่า จะมีอาการปวดมาก บวม แดง ร้อน ขณะที่บวมและอักเสบจะมีความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งการพอกด้วยสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรมาพอกเพื่อดูดพิษการอักเสบตามข้อต่างๆ ที่มีอาการปวด บวม แดง ร้อน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี พบว่าโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นหนึ่งในจำนวนหลายๆโรคที่ตรวจพบ ดังนั้นงานแพทย์แผนไทยจึงมีแนวทางการดูแลรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดข้อเข่า และการรับประทานยาแผนปัจจุบัน ซึ่งการรับประทานยาจะทำให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหลายด้าน อาทิ เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
จากข้อมูลดังกล่าวโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควนได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพของกลุ่มวัยผู้สูงอายุ จึงได้จัดทำโครงการดูแลรักษาผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมใช้สมุนไพรในการพึ่งตนเองได้ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะข้อเข่าเสื่อม วิธีการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยตลอดจนการนำไปใช้อย่างเหมาะสม เพื่อลดปัญหาความเจ็บป่วยข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ตอบสนองนโยบายกรมพัฒนางานแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และนโยบายงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจังหวัด
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ๑. เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม ๒. เพื่อลดอาการปวดเข่าในผู้สูงอายุ ๑. ร้อยละ ๙๐ ของผู้สูงอายุได้รับการคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม ๒. ร้อยละ ๖๐ ของผู้สูงอายุสามารถลดอาการปวดเข่าได้ |
0.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
รวม | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 |
๑. ประชุมกลุ่มคณะทำงานของ รพ.สต.ควน ๒. คัดกรอง/ประเมินโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ๓. อบรมให้ความรู้เรื่องข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ๔. ดูแลรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย ๕. ติดตาม ประเมินผลหลังการรักษา
ผลผลิต:
1. ร้อยละ 9๐ ของผู้สูงอายุได้รับการคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม
๒. ร้อยละ ๖0 ของผู้สูงอายุสามารถลดอาการปวดเข่าได้
3.ร้อยละ 100 อสม.มีความรู้และทักษะในศาสตร์ด้านแผนไทย
ผลลัพธ์
1. ผู้สูงอายุได้รับการคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม
2. ผู้สูงอายุมีอาการปวดเข่าลดลง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 10:09 น.