กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

ยุงลายที่ เป็นต้นเหตุไข้เลือดออกร้อยละ 95 เป็นยุงที่อยู่ในบ้านเรือน อีกร้อยละ 5 อยู่ตามบริเวณสวน
โดยยุงตัวเมียมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 45 วัน หลังผสมพันธุ์แค่ครั้งเดียว สามารถวางไข่ตัวละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ
1,000 – 2,000 ฟอง การเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกถือเป็นงานที่ท้าทาย สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ความรู้ความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนให้ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อลดปริมาณยุงให้น้อยที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกสูงที่สุดในการกำจัดยุงลาย ต้องช่วยกันดูแล
ปิดฝาโอ่งน้ำกิน น้ำใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้าไปวางไข่ ส่วนในภาชนะ เล็กๆ ในบ้านเรือน เช่น แจกัน ไม้ประดับ น้ำที่อยู่ในจานรองกระถางต้นไม้ น้ำในเล้าไก่เลี้ยงตามบ้าน ให้เปลี่ยน เททิ้ง ทุก 7 วัน โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่สุด คือ
ในห้องน้ำ หรือไม่หากพบว่ามีแม้แค่ตัวเดียว ก็ให้ตักทิ้ง หรือใช้น้ำให้หมดไป และถ่ายน้ำทิ้ง จะเป็นวิธีกำจัดยุงลายที่ดีที่สุด การพ่นหมอกควันไม่สามารถป้องกันในระยะยาว เป็นพียงการควบคุมชั่วคราวเพื่อฆ่ายุงลายตัวแก่ ในบริเวณที่มีการระบาด เพื่อไม่ให้ยุงที่มีเชื้อไปกัดหรือวางไข่ต่อที่อื่นๆ อีก โดยทั่วไป นิยมใช้ทรายเคมีฟอสเฟต หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ทรายอะเบท ในการกำจัดลูกน้ำยุงลาย เมื่อใส่ทรายอะเบทในภาชนะที่มีน้ำขัง จะป้องกันไม่ให้เกิดลูกน้ำได้นานประมาณ 3 เดือน ข้อเสียคือ มีกลิ่นเหม็นเล็กน้อย แต่กลิ่นนี้สามารถกำจัดได้ เมื่อปิดฝาภาชนะทิ้งไว้ประมาณ
2-3 วัน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านอุเผะ เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีปัญหาการระบาดของโรคไข้เลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน ในปี 2557 - 2561 เท่ากับ 238.28 (15 ราย), ปี 58 ไม่พบผู้ป่วย ,31.85 (2 ราย) ,143.35(9 ราย) และ 180.14 (10 ราย) ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ (ที่มา : ระบบรายงาน 506) และจากสถานการณ์โรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 – 22 กุมภาพันธ์ 2562 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านอุเผะ ได้รับรายงานผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกรวมจำนวนทั้งสิ้น 20 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 260.85 ต่อประชากรแสนคน จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าอัตราป่วยของโรคไข้เลือดออกสูงกว่าค่ามัธยฐาน ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการแก้ไขปัญหา จากการตั้งรับไปสู่นโยบายเชิงรุกโดยใช้ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมให้คนในชุมชน ได้ตระหนักถึงสภาพปัญหาของโรคไข้เลือดออก เกิดความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง พร้อมทั้งหาวิธีการแก้ไข ซึ่งปัญหาของโรคไข้เลือดออกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก จึงต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโรคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญและถือเป็นภารกิจที่ต้องช่วยกัน กระตุ้นและชักนำให้ประชาชน องค์กรชุมชน ตลอดจนเครือข่ายสุขภาพให้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จึงเป็นกิจกรรมสำคัญที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านอุเผะ จึงได้จัดทำโครงการควบคุมและป้องกันโรคไข้เลือดออก ปี 2562 ขึ้น เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ตลอดจน อสม. และประชาชน ในชุมชน เกิดความตระหนักในการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี