กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

โครงการผู้ปกครองเด็กปฐมวัยใส่ใจฟันน้ำนม

1.กิจกรรมอบรมผู้ปกครองในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากเด็กปฐมวัย6 กันยายน 2562
6
กันยายน 2562รายงานจากพื้นที่ โดย กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลทุ่งหว้า
circle
กิจกรรมที่ปฎิบัติรายละเอียดของการทำกิจกรรมที่ได้ปฎิบัติจริง

วิธีดำเนินการ (ออกแบบให้ละเอียด) 1. ระยะเตรียมการ     - ประสานงานครูผู้ดูแลเด็กเพื่อวางแผนการจัดการโครงการ   - เขียนโครงการเพื่อขออนุมัติ   - จัดทำหนังสือแจ้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลทุ่งหว้า และโรงเรียนอนุบาลอมรรัตน์   - จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามโครงการ   - ประสานงานกลุ่มเป้าหมาย 2. ระยะดำเนินการ   - กิจกรรมอบรมผู้ปกครองในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัย   - กิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัย 3. ระยะประเมินผล   - รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ผล   - สรุปผลดำเนินงาน   - รายงานผลการดำเนินงาน

circle
ผลที่เกิดขึ้นจริงผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome) / ผลสรุปที่สำคัญของกิจกรรม
  1. ผลการดำเนินงาน โครงการผู้ปกครองเด็กปฐมวัยใส่ใจฟันน้ำนม ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลทุ่งหว้า ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย เด็กปฐมวัยจำนวน 79 คน และผู้ปกครองเด็กปฐมวัย จำนวน 79 คน โดยมีวัตถุประสงค์
    1. เพื่อให้ผู้ปกครอง มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัย และสามารถดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัยได้ด้วยตนเอง
    2. เพื่อบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัย
    3. เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีการดำเนินโครงการในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 และวันที่ 6 กันยายน 2562 สำหรับผลการดำเนินโครงการสรุปได้ดังนี้ 1.1 ผลการประเมินกิจกรรมอบรมผู้ปกครอง
      ตัวชี้วัดข้อที่ 1 ผู้ปกครองมีความรู้และสามารถปฏิบัติได้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังจากการได้รับความรู้ ตารางที่ 1 แสดงจำนวนผู้ที่ตอบถูกในช่วงก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ในเรื่องการดูแล             สุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัย
                  สำหรับผู้ปกครองของเด็กปฐมวัย จำแนกตามรายข้อ

ข้อที่ ข้อความ จำนวนผู้ที่ตอบถูก (คน) ก่อน    (N=79) หลัง      (N=79) 1 ฟันของคนเรามีทั้งหมด 3 ชุด คือ ฟันน้ำนม ฟันแท้ และฟันปลอม  42 37 2 ฟันน้ำนมมีทั้งหมด 20 ซี่ 54 62 3 การที่เด็กรับประทานขนมกรุบกรอบมีผลต่อการเกิดฟันผุ 65 70 4 สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ คือ เกิดจากแมงกินฟัน 36 58 5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ 65 67 6 โรคฟันผุ เป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม 20 72 ตารางที่ 1 (ต่อ) แสดงจำนวนผู้ที่ตอบถูกในช่วงก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ในเรื่อง                     การดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปาก                     ของเด็กปฐมวัย สำหรับผู้ปกครองของเด็กปฐมวัย จำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ ข้อความ จำนวนผู้ที่ตอบถูก (คน) ก่อน    (N=79) หลัง      (N=79) 7 การเคี้ยวอาหาร เป่าอาหาร อมอาหารแล้วให้เด็กรับประทาน เป็นการแพร่เชื้อโรคฟันผุจากแม่สู่ลูกได้ 31 40 8 การที่เด็กกินนมผงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุมากกว่ากินนมแม่ 52 62 9 การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป เช่น การกลืนยาสีฟัน จะทำให้ฟันผิดปกติ 18 40 10 การแปรงฟันให้เด็กที่ถูกวิธี คือ การแปรงแบบถูไปถูมา  36 56 11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ 49 34 12 แปรงสีฟันที่ดีควรมีลักษณะขนแปรงแข็ง และปลายแหลม 29 67 13 การถอนฟันน้ำนมไปก่อนกำหนดมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และทำให้ฟันแท้ซ้อนเก ไม่เป็นระเบียบ 35 52 14 ปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมกับเด็กอายุ 3 - 5 ปี ในการแปรงฟันแต่ละครั้งมีขนาดเท่าความกว้างของแปรง 26 50 15 ควรพาลูกไปพบทันตบุคลากรอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 35 67 16 การทาฟลูออไรด์วานิชทำให้ฟันผุ 26 62 17 เมื่อเด็กปวดฟันแล้วต้องถอน 37 58 18 โรคฟันผุเป็นธรรมชาติของเด็ก 51 53 19 เมื่อเด็กปวดฟันสามารถไปอุดฟันได้ 27 50 20 ควรพาเด็กมาเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง 59 72


จากตารางที่ 1 การประเมินผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยเกี่ยวกับความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัยทั้งก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ พบว่า
ก่อนได้รับความรู้ มีผู้ทำแบบประเมินจำนวน 79 คน ข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกมากที่สุดคือ ข้อที่ 3  การที่เด็กรับประทานขนมกรุบกรอบมีผลต่อการเกิดฟันผุ และ ข้อที่ 5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 65 คน ส่วนข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกน้อยที่สุดคือ ข้อที่ 9 การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป เช่น การกลืนยาสีฟัน จะทำให้ฟันผิดปกติ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 18 คน หลังได้รับความรู้ มีผู้ทำแบบประเมินจำนวน 79 คน ข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกมากที่สุดคือ ข้อที่ 6 โรคฟันผุเป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม และข้อที่ 20 ควรพาเด็กมาเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 72 คน ส่วนข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกน้อยที่สุดข้อที่ 11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 34 คน

ตารางที่ 2 แสดงค่าเฉลี่ยความรู้ก่อน-หลังการได้รับความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและ               การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัย สำหรับผู้ปกครอง               ของเด็กปฐมวัย   การประเมินความรู้ จำนวน(คน)

Mean S.D. Sig. ( 2 – tailed )

ก่อนการได้รับความรู้ (Pre – test) 79 7.79 2.89 0.000

หลังการได้รับความรู้ (Post – test) 79 14.79 2.73
จากตารางที่ 2 การประเมินความรู้ก่อนและหลังได้รับความรู้ พบว่า ก่อนได้รับความรู้ผู้ปกครองมีความรู้เฉลี่ย เท่ากับ 7.79 ± 2.79 คะแนน และหลังได้รับความรู้ผู้ปกครองมีความรู้เฉลี่ยเท่ากับ 14.79 ± 2.73 คะแนน และจากการทดสอบทางสถิติ paired simple t-test พบว่ามีค่านัยสำคัญเท่ากับ 0.000 แสดงว่า ผู้ปกครองมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับความรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

สรุปจากตัวชี้วัดข้อที่ 1 ผู้ปกครองมีความรู้และสามารถปฏิบัติได้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ภายหลังจากการได้รับความรู้ ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ

1.2 ผลการประเมินกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัย

ตัวชี้วัดข้อที่ 2 ได้กิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัย
ผลการดำเนินงาน ได้จัดกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัย โดยให้ครูผู้ดูแลเด็กมีส่วนร่วมในการคิดรูปแบบของกิจกรรม และครูผู้ดูแลเด็กสามารถนำกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมไปใช้ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กปฐมวัย                                                                                              โดยมีรายละเอียดดังตารางที่ 3                                                                      3
ตารางที่ 3 แสดงรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม

กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน วิธีการดำเนินการ อุปกรณ์ ผู้รับผิดชอบ 1. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
    เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง   ให้เด็กปฐมวัยเต้นประกอบเพลงเกี่ยวกับทันตสุขภาพ   - เพลงเกี่ยวกับทันตสุขภาพ เช่น เพลงเด็กแปรงฟัน เพลงตื่นเช้าเราแปรงฟัน   - ลำโพง นางสาวโรวีนา หมาดบากา 2. กิจกรรมกลางแจ้ง
    เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียนเพื่อออกกำลัง เคลื่อนไหวร่างกาย และแสดงออกอย่างอิสระ   ให้เด็กปฐมวัยวิ่งไปหยิบภาพอาหาร แล้ววิ่งกลับมาตอบว่าเป็นอาหารที่มี หรือไม่มีประโยชน์ ถ้าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ให้โยนบอลใส่ตะกร้าสีเขียว แต่ถ้าเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ให้โยนบอลใส่ตะกร้าสีแดง   - แผ่นภาพอาหารที่มีหรือไม่มีประโยชน์   - บอล   - ตะกร้า 2 สี นางสาวมัติกา บูเก็ม นางสุภาภรณ์ เจริญฤทธิ์ 3. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
    เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ ฝึกให้เด็กได้มีโอกาสฟัง พูด สังเกต คิดแก้ปัญหา ใช้เหตุผล และฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน   สอนแปรงฟัน โดยใช้ภาพประกอบการแปรงฟันตามเหล่าสัตว์น่ารัก
  สอนเกี่ยวกับอาหารที่มีและไม่มีประโยชน์   - แผ่นภาพสอนแปรงฟันตามเหล่าสัตว์น่ารัก   - แผ่นภาพอาหารที่มีและไม่มีประโยชน์   - โมเดลสอนแปรงฟัน ทพญ.ลีลานุช ช่อชู 4. กิจกรรมสร้างสรรค์
    เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการโดยใช้ศิลปะ   ให้เด็กฉีก ตัด ปะ กระดาษ สร้างสรรค์ผลงาน และเล่าเรื่องจากภาพที่ระบายสี   ปั้นดินน้ำมันรูปอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟัน   - กระดาษสี   - กาว   - ใบกิจกรรมสำหรับสร้างสรรค์ผลงาน   - ดินน้ำมัน นางสาวโรซีต้า ด่วนข้อง


            ตารางที่ 3 (ต่อ) แสดงรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม

กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน วิธีการดำเนินการ อุปกรณ์ ผู้รับผิดชอบ 5. กิจกรรมเสรี
    เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกับสื่อ โดยอาจมีการเล่นบทบาทสมมติและเล่นเลียนแบบในมุมต่าง ๆ   ให้เด็กเล่นแสดงบทบาทสมมติ โดยการจัดเป็นมุมหมอฟัน   - อุปกรณ์แต่งตัวเป็นหมอฟัน   - โมเดลอุดฟัน ทพญ.อัญวีณ์ อัคราเสรีวงศ์ 6. กิจกรรมเกมการศึกษา
    เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญา มีกฎเกณฑ์กติกาง่าย ๆ ช่วยให้เด็กได้รู้จักการสังเกต คิดหาเหตุผลและเกิดความคิดรวบยอด   เกมแผนที่ช่วยพา (ให้เด็ก ๆ ลากเส้นตามคำสั่ง ยกตัวอย่างเช่น แสตมป์ช่วยพาน้องแป้งไปหายาสีฟันหน่อยครับ)   - สีเทียน   - ใบกิจกรรม ทพญ.สกาวพรรณ ตันสกุล
สรุปจากตัวชี้วัดข้อที่ 2 ได้กิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัย โดยครูผู้ดูแลเด็กมีส่วนร่วมในการคิดรูปแบบของกิจกรรม และสามารถนำกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมไปใช้ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กปฐมวัย ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ

1.3 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ    
ตัวชี้วัดข้อที่ 3 เด็กเด็กปฐมวัย  และผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยที่เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจเฉลี่ยต่อโครงการในระดับมากขึ้นไป (คะแนนเฉลี่ยมากกว่า 3.50 จากคะแนนเต็ม 5)
ตารางที่ 4 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 ที่มีระดับความพึงพอใจต่อ

                        โครงการ รูปภาพแสดงความรู้สึก (Emoticon) การแปลผลระดับความพึงพอใจ จำนวน (N = 79) ร้อยละ

ระดับมาก 59 74.7

ระดับปานกลาง 14 17.7

ระดับน้อย 6 7.6

จากตารางที่ 4 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 โดยวิธีการเลือก Emoticon ที่ตรงกับความรู้สึกของเด็กปฐมวัยมากที่สุด พบว่า เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่เลือก Emoticon รูปยิ้มที่หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 59 คน คิดเป็นร้อยละ 74.7 มีเด็กปฐมวัยที่เลือก Emoticon รูปหน้านิ่ง ที่หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 17.7 และมีเด็กปฐมวัยที่เลือก Emoticon รูปหน้าบึ้ง ที่หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 7.6
ตารางที่ 5 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจที่มีต่อโครงการของ

ผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยจำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ เกณฑ์การประเมิน Mean S.D. ระดับความ    พึงพอใจ 1 การประชาสัมพันธ์การเข้าร่วมกิจกรรม 4.48 0.59 ดีมาก 2 ความเหมาะสมของสถานที่ที่ใช้ในการทำกิจกรรม 4.48 0.50 ดีมาก 3 ความพร้อมของการจัดโครงการ/กิจกรรม 4.33 0.53 ดีมาก 4 ความเหมาะสมของระยะเวลาในการทำกิจกรรม 4.25 0.70 ดีมาก 5 ลำดับขั้นตอนและความต่อเนื่องของกิจกรรม 4.31 0.68 ดีมาก 6 ความหลากหลายของกิจกรรม 4.21 0.69 ดีมาก 7 ประโยชน์และความรู้ที่ได้รับจากการจัดกิจกรรม 4.54 0.59 ดีมาก 8 ควรให้มีการจัดกิจกรรมแบบนี้อีก 4.57 0.61 ดีมาก รวม 4.59 0.55 ดีมาก จากตารางที่ 5 การประเมินความพึงพอใจที่มีต่อโครงการของผู้ปกครองของเด็กปฐมวัย จำแนกตามรายข้อพบว่า ผู้ปกครองของเด็กปฐมวัย มีความพึงพอใจต่อโครงการในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.59 ± 0.55 ข้อที่มีผู้ให้คะแนนความพึงพอใจมากที่สุดคือ ข้อที่ 8 ควรให้มีการจัดกิจกรรมแบบนี้อีก มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.57 ± 0.61 และข้อที่มีผู้ให้คะแนนความพึงพอใจน้อยที่สุดคือข้อที่ 6 ความหลากหลายของกิจกรรม มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.21 ± 0.69
ตารางที่ 6 แสดงจำนวนและร้อยละของการประเมินระดับความพึงพอใจที่มีต่อโครงการของ ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
ระดับความพึงพอใจ ช่วงคะแนนเฉลี่ย จำนวน (N = 79 คน) ร้อยละ ดีมาก 4.21 – 5.00 50 63.3 ดี 3.41 – 4.20 27 34.2 ปานกลาง 2.61 – 3.40 2 2.5 พอใช้ 1.81 - 2.60 0 0.0 ควรปรับปรุง   1.00 - 1.80 0 0.0 จากตารางที่ 6 การประเมินระดับความพึงพอใจต่อโครงการของผู้ปกครองเด็กปฐมวัย พบว่า ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อโครงการอยู่ในระดับดีมาก จำนวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 63.3 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดี จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 34.2 และมีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5 สรุปตัวชี้วัดข้อที่ 3 เด็กปฐมวัยมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 59 คน คิดเป็นร้อยละ 74.7 ส่วนผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากขึ้นไป จำนวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 97.5 ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ