กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ โครงการสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย จังหวัดยะลา
รหัสโครงการ 62- L7452 – 2 - 24
ประเภทการสนับสนุน ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ หน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน่วยงานสาธารณสุข เช่น โรงเรียน
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา
วันที่อนุมัติ 30 พฤษภาคม 2562
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 30 พฤษภาคม 2562 - 30 กันยายน 2562
กำหนดวันส่งรายงาน 31 ธันวาคม 2562
งบประมาณ 49,542.00 บาท
ผู้รับผิดชอบโครงการ นางสาวรอซีกีน สาเร๊ะ เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข
พี่เลี้ยงโครงการ นางสาวสลิล กาจกำแหง หัวหน้ากลุ่มงานหลักสูตรทันตสาธารณสุข
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลยะลา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
ละติจูด-ลองจิจูด place
stars
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
แผนงานเด็ก เยาวชน ครอบครัว
stars
3. งวดสำหรับการทำรายงาน
stars
4. กลุ่มเป้าหมาย

(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน 56 keyboard_arrow_down

กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน :

ระบุ

กลุ่มวัยทำงาน 59 keyboard_arrow_down

กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน :

กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
stars
5. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

เด็กเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดของการเจริญเติบโตและพัฒนาการในทุกๆ ด้านของบุคคล การอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กอย่างถูกต้องเหมาะสมย่อมนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใหญ่ในอนาคต ดังนั้น เป้าหมายการพัฒนาเด็กคือการส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการเต็มศักยภาพ เพื่อให้สามารถเติบโตมีสุขภาพดี มีคุณภาพ และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม การที่จะให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพได้นั้นต้องรับการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ แข็งแรง โดยเฉพาะสุขภาพช่องปากเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กสามารถบริโภคอาหารได้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปเสริมสร้างอวัยวะส่วนต่าง ๆ ให้เติบโตแข็งแรงและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ (สุนิภา ชินวุฒิ, 2558) จากสถานการณ์ปัญหาทันตสุขภาพในเด็กส่วนใหญ่ พบว่า ปัญหาโรคฟันผุซึ่งจะพบทั้งฟันแท้และฟันน้ำนมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟันน้ำนมมีอัตราการฟันผุสูงมาก การเกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนมของเด็กจะเริ่มมีการผุในเด็กอายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป (วีระนุช ไชยศรี และคนอื่นๆ, 2553) และจากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 8 พ.ศ. 2560 พบว่า ความชุกของโรคฟันผุในฟันน้ำนมเด็กอายุ 3 ปี คือ ร้อยละ 52.9 และเด็กอายุ 5 ปี มีความชุกของโรคฟันผุในฟันน้ำนม ร้อยละ 75.6 พบฟันผุระยะเริ่มต้นในเด็กอายุ 3 ปี และ 5 ปี ร้อยละ 31.1 และร้อยละ 31.3 ตามลำดับ เมื่อแบ่งลำดับตามภูมิภาคพบว่าภาคใต้มีฟันผุมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 34.2 (สำนักทันตสาธารณสุข, 2560)
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนม เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน สาเหตุที่สำคัญประการหนึ่งมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ได้แก่ การปล่อยให้เด็กแปรงฟันเอง ผู้ปกครองตามใจ ใจอ่อน สงสารลูกเมื่อลูกร้องขณะแปรงฟัน แปรงฟันแค่วันละครั้งไม่สะอาดทั่วถึง ไม่ได้แปรงฟันให้เด็กก่อนนอน (วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุขภาคใต้, 2558) พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กที่มีอายุ 1 - 3 ปี ของผู้ปกครอง ได้แก่ การบริโภคอาหารของเด็ก การดูแลความสะอาดช่องปากของเด็ก การตรวจสุขภาพช่องปากของเด็ก นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งบางคนมีความเชื่อว่าฟันน้ำนมไม่มีความสำคัญ เมื่อผุควรถอนทิ้งไม่ต้องรักษา แต่ฟันน้ำนมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของใบหน้า ช่วยให้ฟันแท้เจริญเติบโตได้อย่างปกติ และขึ้นในตำแหน่งที่ถูกต้อง หากเด็กสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนด จะทำให้ไม่มีฟันเคี้ยวอาหารหรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะโภชนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก โดยจะพบฟันผุในเด็กที่มีสภาวะทุพโภชนาการมากกว่าเด็กปกติ (เมธินี ศุปพิทยานนท์ และสุพรรณี ศรีวิริยกุล, 2556) ปัจจัยที่มีผลต่อการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กที่มีอายุ 1 - 3 ปีของผู้ปกครองได้แก่ ความรู้ของ ผู้ปกครอง พบว่า ความรู้ด้านทันตสุขภาพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากบุตรของ ผู้ปกครองทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย ซึ่งสอดคล้องตามหลักเหตุผลที่ว่าเมื่อบุคคลมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องทันตสุขภาพก็จะมีผลในพฤติกรรมกาปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง เพราะความรู้เป็นปัจจัย สำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งผู้ปกครอง พบว่า การรับรู้ต่อปัญหาด้านทันตสุภาพมีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทางช่องปากของเด็กทำให้มีความตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและจะนำไปสู่การรักษาหรือการป้องกันพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทางช่องปากของเด็ก (พัทธนันท์ ศิริพรวิวัฒน์, 2552) จากรายงานข้อมูล HDC (Health Data Center : ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ปี 2561 สาขาสุขภาพช่องปาก พบว่า เด็กอายุ 3 ปี ที่ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากทั้งหมดร้อยละ 45.52 มีฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 51.81 สำหรับในพื้นที่ตำบลสะเตง มีจำนวนเด็กอายุ 3 ปี ที่ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากทั้งหมดร้อยละ 31.46 พบว่า มีฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 28.57 ประกอบกับข้อมูลการตรวจฟันของเด็กที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนห้าแยกกำปงบาโงย ปี 2561 พบว่ามีเด็กที่มีโรคฟันผุ ร้อยละ 44.19 ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็กส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคฟันผุสูงอยู่
จากสภาพปัญหาดังกล่าว จึงได้มีแนวคิดที่จะสร้างเสริมทักษะ และให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กแก่ผู้ปกครอง ครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีกิจกรรมร่วมกันจัดทำสื่อการสอนแปรงฟันเพื่อกระตุ้นความสนใจให้เด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดูแลสุขภาพช่องปาก ให้มีความรู้ด้านการทำความสะอาดช่องปาก การเลือกรับประทานอาหารเพื่อป้องกันการเกิดโรคฟันผุ โดยการจัดกิจกรรมที่เน้นกิจกรรมการมีส่วนร่วม สอดแทรกไปกับการให้ความรู้ ฝึกทักษะลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างความตระหนัก และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กในแนวทางที่พึงประสงค์ จึงได้จัดโครงการสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก เพื่อป้องกันโรคฟันผุในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย จังหวัดยะลา เพื่อให้ผู้ปกครอง ครูผู้ดูแลเด็ก และเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการดูแลตนเอง รวมถึงเผยแพร่ยังกลุ่มเพื่อนตลอดจนผู้ใกล้ชิดต่อไป

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 ข้อที่ 1 เพื่อให้ผู้ปกครอง และครูผู้ดูแลเด็กมีความรู้ความเข้าใจเรื่องด้านการดูแลสุขภาพช่องปากเด็ก
  1. ร้อยละ 80 ของผู้ปกครอง และครูผู้ดูแลเด็กมีความรู้ความเข้าใจเรื่องด้านการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กในระดับดี
0.00
2 ข้อที่ 2 เพื่อให้ผู้ปกครอง และครูผู้ดูแลเด็ก สามารถแปรงฟันให้เด็กได้ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับเด็กได้
  1. ร้อยละ100 ของผู้ปกครอง และครูผู้ดูแลเด็ก สามารถแปรงฟันให้เด็กได้ถูกต้องและเหมาะสมผ่านเกณฑ์ทุกข้อของการประเมิน
0.00
3 ข้อที่ 3 เพื่อให้เด็กสามารถแปรงฟันได้ด้วยตนเอง
  1. ร้อยละ 60 ของเด็กสามารถแปรงฟันด้วยตนเองครบทุกด้าน
0.00
4 ข้อที่ 4 เพื่อให้เด็กได้รับการตรวจฟันและได้รับการทาฟลูออไรด์ วานิชป้องกันฟันผุ
  1. ร้อยละ 100 ของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้รับการตรวจฟัน และได้รับการทาฟลูออไรด์วานิชป้องกันฟันผุ
0.00
5 ข้อที่ 5 เพื่อสร้างความพึงพอใจในความร่วมมือการจัดกิจกรรมของโรงเรียนและกองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
  1. ร้อยละ 80 ผู้ปกครอง และครูผู้ดูแลเด็กมีความพึงพอใจในความร่วมมือการจัดกิจกรรมของโรงเรียนและกองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา ในระดับดีขึ้นไป
0.00
6 ข้อ 6 เพื่อประเมินผลโครงการหลังจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพ 3 เดือน
  1. ร้อยละ 80 ของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่มีรอยผุใหม่
0.00
stars
7. การดำเนินงาน/กิจกรรม
วันที่ชื่อกิจกรรมกลุ่มเป้าหมาย
(คน)
งบกิจกรรม
(บาท)
ทำแล้ว
 
ใช้จ่ายแล้ว
(บาท)
??/??/???? กิจกรรมที่ 1 การประชุมชี้แจงการดำเนินงาน เป้าหมาย คณะทำงาน ครูผู้ดูแลเด็ก ตัวแทนผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 คน 0 350.00 -
??/??/???? กิจกรรมที่ 2 การอบรมเชิงปฏิบัติการการให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก การฝึกทักษะการแปรงฟันและวิธีการดูแลสุขภาพช่องปาก การฝึกทักษะการตรวจฟัน การทาฟลูออไรด์ให้เด็ก และการจัดทำโมเดลฟันจำลองเพื่อเป็นสื่อการสอนแปรงฟัน เป้าหมาย เด็กเล็ก ผู้ปกครองและผู้ดูแ 0 45,740.00 -
??/??/???? กิจกรรมที่ 3 การติดตามและประเมินผล ประเมินประสิทธิผลหลังจากการดำเนินโครงการฯ 3 เดือน การตรวจฟันเด็ก และประเมินความรู้ของผู้ปกครองและครูผู้ดูแลเด็ก เป้าหมาย เด็กเล็ก ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กห้าแยกกำปงบาโงย (เด็กเล็ก จำนวน 56 คน ผู้ปกค 0 3,452.00 -
รวม 0 49,542.00 0 0.00

 

stars
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
  1. สามารถลดอุบัติการณ์การเกิดโรคฟันผุในเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
  2. เป็นแนวทางการป้องกัน และการส่งต่อเพื่อให้เด็กที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากได้รับการรักษาตามความเหมาะสม
  3. การให้ข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเชิงนโยบายเกี่ยวกับการบรรจุเนื้อหาความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากไว้ในหลักสูตร หรือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนการสอนอย่างชัดเจน
stars
9. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 11:48 น.