โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ประจำปี 2560
ชื่อโครงการ | โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ประจำปี 2560 |
รหัสโครงการ | 60-L4141-1-7 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำใหม่ |
วันที่อนุมัติ | 20 มีนาคม 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มิถุนายน 2560 - 30 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 11,400.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายสรพงษ์ ยั่งเจริญ (ผอ.รพ.สต.ลำใหม่) |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางสาวซัลมา หะยีสะมะแอ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลลำใหม่ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.583,101.205place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 30 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันปัญหาสุขภาพที่เป็นสาเหตุการตายอันดับแรกๆของประเทศไทย คือ โรคมะเร็งโรคความดันโลหิตสูงโรคหัวใจและหลอดเลือดมีอัตราตาย ๘๕.๐๔ ,๓.๖๔ , ๕๕.๒๕ ต่อแสนประชากรตามลำดับ (ข้อมูลจากสำนักโรคไม่ติดต่อกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขพ.ศ.๒๕๕๐)และต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก เฉพาะโรคมะเร็งอย่างเดียว ประมาณคนละ ๑ ล้านบาท ซึ่งโรคเหล่านี้เกิดจากการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้อง คือขาดการออกกำลังกาย มีการรับประทานอาหารไม่เหมาะสมและไม่เพียงพอแม้ประชาชนจะมีความรู้ แต่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง “มีผลการวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า การควบคุมอาหารอย่างดี รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ ส่งผลโดยตรงต่อการป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูงทางกรรมพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นการควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานเพราะการควบคุมอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูง” การรักษาโรคเรื้อรังโดยการให้ความสำคัญเฉพาะด้านการแพทย์จึงไม่เพียงพอเพื่อการควบคุมโรคที่สมบูรณ์ ผู้ป่วยและผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือประชาชนทั่วไปต้องได้รับความรู้เรื่องโรค รวมไปถึงความรู้เรื่องโภชนาการและการออกกำลังกายที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้รับการกระตุ้นการเปลี่ยนพฤติกรรมผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น ค่ายเบาหวานหรือกิจกรรมชมรมอย่างสม่ำเสมอซึ่งถ้าปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ระยะต้น ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นคนปกติโดยปราศจากโรคแทรกซ้อนในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำใหม่พบผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 258รายโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 683 รายกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานจำนวน 776 ราย กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 174 ราย ด้วยความตระหนักถึงปัญหาและภัยของภาวะโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำใหม่ จึงได้จัดทำโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดเสี่ยง-ลดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงในกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีสุขภาพที่ดี มีความรู้ดูแลตนเอง ลดเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อน ในการสูญเสียของประชากร
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1 เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีความรู้ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง ร้อยละ80 ประชากรกลุ่มเสี่ยงมีความรู้ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง |
||
2 | 2 เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีพฤติกรรมที่เหมาะสมในการป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และลดภาวะแทรกซ้อนได้ ร้อยละ80 ประชากรกลุ่มเสี่ยงมีพฤติกรรมที่เหมาะสมในการป้องกันโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อนได้อย่างยั่งยืน |
- เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
- จัดทำโครงการเพื่อขออนุมัติ
- ประสานงานกับ อสม. 7 หมู่บ้าน เพื่อเตรียมสถานที่กลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่มเป้าหมาย ตามวันเวลาที่ออกดำเนินการ
- ประชุมชี้แจงแก่คณะทำงาน
- ดำเนินการตามโครงการ 5.1จัดอบรมกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงจำนวน30คน 5.2ติดตามพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง 5.3ติดตามเยี่ยมและแนะนำในรายที่มีปัญหาไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ กลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้และมีค่าน้ำตาลและความดันโลหิตสูงเพื่อส่งเข้าคลินิกรักษาต่อ
- สรุป/ประเมินและรายงานผล
- ร้อยละ80 ประชากรกลุ่มเสี่ยงมีความรู้ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
- ร้อยละ80 ประชากรกลุ่มเสี่ยงมีพฤติกรรมที่เหมาะสมในการป้องกันโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อนได้อย่างยั่งยืน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2560 11:33 น.