โครงการผู้สูงอายุปลอดภัย ห่างไกลพลัดตกหกล้ม ปี 2563
ชื่อโครงการ | โครงการผู้สูงอายุปลอดภัย ห่างไกลพลัดตกหกล้ม ปี 2563 |
รหัสโครงการ | 63-L6895-01-02 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองกันตัง |
วันที่อนุมัติ | 18 ธันวาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 2 มกราคม 2563 - 31 สิงหาคม 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 สิงหาคม 2563 |
งบประมาณ | 22,500.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสุพรรณนิกา ลีลาสำราญ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.41,99.519place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 70 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสังคมสูงวัย (aging society) โดยในปี 2562 ประเทศไทยมี
สัดส่วนผู้สูงอายุ ร้อยละ 17 ส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องอยู่ในภาวะโรคเรื้อรังมากขึ้น เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน เป็นต้น ทำให้ต้องมีการรักษาที่ต่อเนื่องและยาวนาน แต่ร่างกายทีเสื่อมลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้มีการผิดรูปของข้อต่างๆ ส่งผลให้เกิดข้อเสื่อม ทำให้มีการทรงตัว และการเคลื่อนไหวผิดปกติ ผลที่ตามมาคือ ทำให้เกิดการพลัดตกหกล้ม
ผลกระทบของการพลัดตกหกล้มส่งผลทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจจากรายงานการพยากรณ์
การพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ พ.ศ.2560-2564 คาดว่าจะมีผู้สูงอายุหกล้ม ปีละ 3,030,900-5,506,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้จะมีผู้เสียชีวิตจำนวน 5,700-10,400 คน ผลกระทบต่อจิตใจทำให้เกิดการกลัวต่อการหกล้ม สูญเสียความมั่นใจในการทำกิจกรรม ผลกระทบด้านเศรษฐกิจต้องเสียค่ารักษา พยาบาล และการฟื้นฟูสภาพเป็นเวลานาน และการดูแลที่ต่อเนื่อง ตลอดจนส่งผลต่อการขาดรายได้ของสมาชิกในครอบครัวที่ต้องมาดูแลผู้สูงอายุที่ได้รับบาดเจ็บจากการพลัดตกหกล้ม
เมื่อพิจารณาข้อมูลจำนวนผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 จังหวัดตรังมีจำนวน
ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 98,122 คน พิจารณารายตำบลพบว่า ตำบลที่มี จำนวนผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ตำบลทับเที่ยง จำนวน 10,150 คน รองลงมาเป็นตำบลย่านตาขาว จำนวน 2,420 คน ตำบลกันตัง จำนวน 2,241 คน
จากข้อมูลรายงานสถิติการแพทย์ฉุกเฉิน ระหว่างเดือน กันยายน 2561 - กันยายน 2562
จังหวัดตรัง พบว่าจำนวนผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม 5 อันดับแรกได้แก่ อำเภอเมืองตรังจำนวน 555 ราย รองลงมาอำเภอห้วยยอดจำนวน 191 ราย อำเภอกันตังจำนวน 139 ราย อำเภอนาโยงจำนวน 95 ราย และอำเภอย่านตาขาวจำนวน 84 รายตามลำดับ
ศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาลกันตัง ได้ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการ
แก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงจัดทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เรียนรู้เรื่องวิธีการป้องกันการพลัดตกหกล้ม การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแรงของกล้ามเนื้อและการทรงตัว และการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยง มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลตนเอง สามารถ ปฏิบัติตัวในเรื่องการป้องกันการพลัดตกหกล้ม ร้อยละ 80 ของผู้สูงอายุที่เข้ารับการอบรมผ่านเกณฑ์การประเมินจากแบบสอบถามหลังเข้ารับการอบรม (คะแนนมากกว่าร้อยละ 80 ) |
0.00 | |
2 | เพื่อลดอัตราการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
|
0.00 |
ขั้นเตรียมการ
1. ประสานกับแกนนำสุขภาพในชุมชนและประชุมทีมทำงาน เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุ และทำความเข้าใจถึงแผนดำเนินการตามโครงการ
2. ประชาสัมพันธ์โครงการ รับสมัครและคัดเลือกผู้สูงอายุที่จะเข้าร่วมโครงการโดยใช้แบบประเมิน falling assessment tool โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายทีมีค่าการประเมินอยู่ในกลุ่มเสี่ยงปานกลางขึ้นไปขั้นดำเนินการ
1. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาลกันตัง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอกันตัง
2. ประสานผู้สูงอายุเข้ารับการประเมินสัญญาณชีพ วัดความดันโลหิต ชีพจร น้ำหนัก ส่วนสูง พร้อมคัดกรองผู้สูงอายุและมีการทดสอบภาวะเสี่ยงการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุก่อนการเข้าร่วมโครงการ
3. อบรมเชิงปฏิบัติการ จำนวน 1 วัน โดยมีรูปแบบการดำเนินกิจกรรมดังนี้
• ให้ผู้เข้าร่วมโครงการทำแบบประเมินก่อนและหลังให้ความรู้
• กิจกรรมบรรยายเรื่องสถานการณ์การพลัดตกหกล้ม สรีระวิทยากับการเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ
การป้องกันการพลัดตกหกล้ม และฝึกปฏิบัติการออกกำลังกายแบบไทเก็ก
• กิจกรรมการเข้าฐาน ประกอบด้วย
- การให้ความรู้เรื่องยาและประเมินการใช้ยาในผู้สูงอายุ
- การให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อสะโพก เข่า และข้อเท้า
- การให้ความรู้เรื่องสภาพแวดล้อมในบ้านที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม
- การให้คำแนะนำผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
4. ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่ร่วมโครงการ เพื่อทดสอบสมรรถภาพของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโครงการหลังเข้ารับการอบรมในเดือนที่ 3 และเดือนที่ 6 โดยมีรูปแบบการดำเนินกิจกรรม ดังนี้
1. ประเมินสัญญาณชีพ วัดความดันโลหิต ชีพจร น้ำหนัก ส่วนสูง
2. มีการทดสอบภาวะเสี่ยงการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุหลังการเข้าร่วมโครงการ
3. มีการทบทวนความรู้ในเรื่องต่างๆของการอบรม
4. ประเมินภาพแวดล้อมจริงที่บ้านพร้อมทั้งแนะแนวทางการแก้ไข
ขั้นสรุปและประเมินผล
1. สรุปผล/รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการกองทุนฯ
- ผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลตนเอง สามารถปฏิบัติตัวป้องกันการพลัดตกหกล้ม
- อัตราการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการไม่เกินร้อยละ 5
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2563 10:26 น.