ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงวัยต้านภัยข้อเข่าเสื่อม “เข่าดี ชีวาสุข” ประจำปี 2564 ศูนย์บริการสาธารณสุขหาดใหญ่ชีวาสุข ในคราวประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ครั้งที่ 3/64 เมื่อวันที่ 28-29 มกราคม 2564
ชื่อโครงการ | ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงวัยต้านภัยข้อเข่าเสื่อม “เข่าดี ชีวาสุข” ประจำปี 2564 ศูนย์บริการสาธารณสุขหาดใหญ่ชีวาสุข ในคราวประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ครั้งที่ 3/64 เมื่อวันที่ 28-29 มกราคม 2564 |
รหัสโครงการ | 64-L7258-1-43 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานสาธารณสุขอื่นของ อปท. เช่น กองสาธารณสุขของเทศบาล |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ศูนย์บริการสาธารณสุขหาดใหญ่ชีวาสุข |
วันที่อนุมัติ | 29 มกราคม 2564 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 15 กุมภาพันธ์ 2564 - 30 กรกฎาคม 2564 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 20,250.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางอาบทิพย์ เพ็ชรสกุล |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.01,100.474place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ข้อเข่าเสื่อมหรือโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นภาวะที่ข้อเข่าผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานานเกิดการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อ ทำให้การงอกของกระดูกเวลาเดินจะเจ็บข้อ มีการผิดรูปของข้อเข่า โรคข้อเข่าเสื่อมมักพบในผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความทรมานแก่ผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง คุณภาพชีวิตลดลง และทำให้โรคอื่น ๆ กำเริบ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เนื่องจากออกกำลังไม่ได้ โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในผู้สูงอายุ ทำให้เกิดอาการปวดเข่า บวม เข่าฝืดยึด มีเสียงดังในเข่า ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ดังปกติ ซึ่งมีความรุนแรงมากน้อยต่างกันไป สาเหตุมีได้หลายประการ เช่น ผลสะสมจากความเสื่อมและการใช้ข้อเข่าที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่วัยหนุ่มสาว การที่มีน้ำหนักตัวมาก ๆ ทำให้เข่าต้องรับน้ำหนัก ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในทุกขณะที่ก้าวเดิน หรือเคยได้รับอุบัติเหตุบริเวณข้อเข่ามาก่อน บางรายเคยมีการอักเสบติดเชื้อ หรือเป็นโรคไขข้อบางชนิด เช่น โรครูมาตอยด์ เป็นต้น จากสถานการณ์พบว่า โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคหนึ่งในสิบโรคที่เป็นสาเหตุสำคัญอันก่อให้เกิดผู้สูงอายุทุพพลภาพในประเทศไทยทำให้ผู้ป่วยต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้สมรรถภาพในการประกอบอาชีพหรือการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีพยาธิสภาพที่กระดูกอ่อนผิวข้อ อันก่อให้มีอาการปวดจากผิวข้อชำรุดและการอักเสบหากเป็นต่อเนื่อง ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมรุนแรง ช่องว่างผิวข้อหายไป และกระดูกอ่อนผิวข้อชำรุดไปหมด หรือกระดูกปลายข้อทรุดตัว ทำให้เข่าโก่งมากขึ้นได้ (ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิส์แห่งประเทศไทย :แนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข โรคข้อเข่าเสื่อม ๒๕๕๓) ในปัจจุบันพบว่ามีการใช้ยาในการรักษาภาวะข้อเสื่อมนี้เป็นจำนวนมากรองจากยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) โดยเฉพาะยาแก้อักเสบในกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroid Anti-inflammatory Drugs) ซึ่งส่วนมากเป็นการรักษาอาการปวดที่ปลายเหตุเสียมากกว่า และมักจะมีผลเสียในการก่อให้เกิดปัญหาเรื่องแผลในกระเพาะอาหารตามมา อุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมพบประมาณ ๑ ใน ๓ หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๔.๕-๔๕.๖ ของประชากรทั้งประเทศ และมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก โดยมีงานวิจัยพบว่า ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อ ๑ ปี ของคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม รวมทุกอย่าง เช่น ค่ายา ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือค่าเสียเวลาในการดูแลรักษาสุขภาพทางด้านนี้ พบว่ามีค่าใช้จ่าย ประมาณปีละ ๒๐๐,๐๐๐ บาทต่อคนจะเห็นได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากอาจเป็นเพราะว่าโรคข้อเข่าเสื่อมจะไม่ทำให้คนเป็นเสียชีวิตได้เพียงแต่ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงเท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่ภาวะข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และคนทั่วไปที่มีน้ำหนักเกิน และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ประชากรทั่วไปและผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยมากกว่า 6 ล้านคน ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปพบได้ถึงร้อยละ 50 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากน้ำหนักตัวที่มากใช้เข่ามาก ใช้นานกว่าปกติ หรือผิดท่า รวมถึงพฤติกรรมการใช้เข่าที่ผิด เช่น นั่งคุกเข่าพับเพียบ ขัดสมาธิ ซึ่งเป็นท่าที่ทำให้ข้อเข่าถูกกดพับ และเอ็นกล้ามเนื้อถูกยืดมาก การนั่งเช่นนั้นนานๆ รวมถึงน้ำหนักตัวมาก ทำให้การหมุนเวียนของเลือดไปเลี้ยงเข่าไม่ได้ดี และเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ทำให้เข่าต้องแบกน้ำหนักส่วนเกินนั้น กล้ามเนื้อจึงหย่อนสมรรถภาพลง จึงทำให้เป็นโรคเข่าเสื่อมได้ง่ายผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมมากๆ จะมีอาการเจ็บหรือปวด ข้อเข่าผิดรูปข้อฝืด หรือข้อติด เดินได้ไม่ปกติ การปฏิบัติภารกิจประจำวันต่างๆ ทำได้ไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
จากข้อมูลประชากรเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 158,392 คน ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ จำนวน 22,183 คน คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนประชากรทั้งหมด เมื่อเทียบสัดส่วนถือว่ามีจำนวนมากขึ้นซึ่งเปรียบเทียบกับประชากร ช่วงอายุต่าง ๆ และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้สูงอายุที่มีอยู่ในชุมชนมีหลายระดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำ ต้องใช้แรงงานหนักในการประกอบอาชีพ จึงมีปัญหาปวดเข่าและปวดเมื่อยตามร่างกายเป็นประจำ ผู้สูงอายุบางรายต้องกลายเป็นผู้พิการ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ดังนั้นเพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมและภาวะแทรกซ้อน รวมถึงการดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคข้อเข่าเสื่อม
ศูนย์บริการสาธารณสุขหาดใหญ่ชีวาสุข สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นศูนย์บริการสาธารณสุขที่มุ่งเน้นการส่งเสริม ป้องกัน การรักษาและฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และบุคคลทั่วไป ให้บริการประชาชนด้วยบริการด้านสุขภาพแบบผสมผสานทั้งการแพทย์แผนตะวันตกและการแพทย์แผนไทย โดยทีมสหวิชาชีพต่างๆ อาทิเช่น พยาบาลวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด นักพัฒนาการกีฬา นักโภชนาการ และนักการแพทย์แผนไทย
ดังนั้น ศูนย์บริการสาธารณสุขหาดใหญ่ชีวาสุข สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครหาดใหญ่ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชน ที่มีแนวโน้มเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ให้ได้รับการประเมินโรคข้อเข่าเสื่อม เพื่อให้ผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มต้นได้บำบัดอาการ ชะลอความรุนแรงของโรค และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อลดอาการปวดเข่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถชะลอกระบวนการดำเนินของโรคไปสู่ระยะที่มีความรุนแรงของโรคลดลง จึงได้จัดทำโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงวัยต้านภัยข้อเข่าเสื่อม “เข่าดี ชีวาสุข”ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ขึ้น โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลนครหาดใหญ่
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะแทรกซ้อน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการดูแลตนเอง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะแทรกซ้อน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการดูแลตนเอง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม |
0.00 | |
2 | เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมาย ได้รับการฝึกทักษะ พฤติกรรมการดูแลข้อเข่ารายบุคคลสอดคล้องกับปัญหา ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมาย ได้รับการฝึกทักษะ พฤติกรรมการดูแลข้อเข่ารายบุคคลสอดคล้องกับปัญหา |
0.00 | |
3 | เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายได้รับการส่งต่อการดูแลรักษาต่อเนื่อง ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมายได้รับการส่งต่อการดูแลรักษาต่อเนื่อง |
0.00 |
รวมทั้งสิ้น | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | 0.00 |
- ประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมโครงการ
- เขียนโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
- แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อวางแผนกำหนดรูปแบบการทำงาน
- จัดประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรม
- ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- แผนการดำเนินงาน
6.1 ประชาสัมพันธ์โครงการค้นหากลุ่มเป้าหมายจากประชาชนทั่วไปและกลุ่มชมรมผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 50 คน 6.2 ตรวจคัดกรอง ประเมินระดับความรุนแรงของภาวะโรคข้อเข่าเสื่อมในกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ โดยแยกตามระดับความรุนแรง 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะแรก
2.กลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะปานกลาง
3.กลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะรุนแรง 6.3 วางแผนการรักษากลุ่มผู้ป่วยตามระดับความรุนแรงของโรค 6.3.1 จัดอบรมให้ความรู้กลุ่มผู้ป่วยทั้ง 3 ระดับที่ได้รับการตรวจคัดกรอง จำนวน 1 วัน 6.3.2 วางแผนการดูแลผู้ป่วยตามระดับความรุนแรงของโรคของรายบุคคล โดยแบ่งเป็น
1.กลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะแรก - ซักประวัติตรวจร่างกายและวางแผนการรักษาทางกายภาพบำบัด โดยให้การรักษาอย่างน้อย 2 ครั้ง/เดือน - ให้คำปรึกษารายบุคคล โดยทีมสหวิชาชีพ (นักกายภาพบำบัด,พยาบาลวิชาชีพ,แพทย์แผนไทย,นักโภชนาการ) - บรรยายและฝึกปฏิบัติให้ความรู้เรื่องท่าบริหารเข่า ท่าทางที่ถูกต้องในการทำกิจวัตรประจำวัน และสอนนวดเข่า ด้วยตนเองเบื้องต้น - ส่งต่อการทำกิจกรรม เช่น กิจกรรมวารีบำบัด กิจกรรมบำบัด แอโรบิคในน้ำหรือโยคะ เป็นต้น 2.กลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะปานกลาง - ซักประวัติตรวจร่างกายและวางแผนการรักษาทางกายภาพบำบัด โดยให้การรักษาอย่างน้อย 4 ครั้ง/เดือน - ให้คำปรึกษารายบุคคล โดยทีมสหวิชาชีพ (นักกายภาพบำบัด,พยาบาลวิชาชีพ,แพทย์แผนไทย,นักโภชนาการ) - บรรยายและฝึกปฏิบัติให้ความรู้เรื่องท่าบริหารเข่า ท่าทางที่ถูกต้องในการทำกิจวัตรประจำวัน และสอนนวดเข่า ด้วยตนเองเบื้องต้น - มีการส่งต่อคลินิกแพทย์แผนไทย 3.กลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะรุนแรง - ซักประวัติตรวจร่างกายและวางแผนการรักษาทางกายภาพบำบัด โดยให้การรักษาอย่างน้อย 8 ครั้ง/เดือน - ให้คำปรึกษารายบุคคล โดยทีมสหวิชาชีพ (นักกายภาพบำบัด ,พยาบาลวิชาชีพ ,แพทย์แผนไทย ,นักโภชนาการ) - ส่งต่อพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาดูแลต่อเนื่องและมีการติดตามผลการรักษา 6.4 ติดตามและประเมินผลการรักษา เป็นระยะเวลา 3 เดือน 7.สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ
- ลดโอกาสการเกิดผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน ติดเตียง และลดจำนวนคนพิการ อันมีสาเหตุเนื่องมาจากภาวะโรคข้อเข่าเสื่อม
- ลดปัญหาภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุ ให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสุขภาพดี มีความสุข
- ผู้สูงอายุมีระบบกระบวนการจัดการเรียนรู้ดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของภาวะโรคข้อเข่าเสื่อม
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 16:15 น.