กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

ชื่อโครงการ โครงการเสริมสร้างความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก

ที่อยู่ ตำบลสามัคคี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส จังหวัด นราธิวาส

รหัสโครงการ 64-L2515-1-004 เลขที่ข้อตกลง

ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2564

กิตติกรรมประกาศ

"โครงการเสริมสร้างความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก จังหวัดนราธิวาส" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลสามัคคี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส

คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.สามัคคี ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป

คณะทำงานโครงการ
โครงการเสริมสร้างความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก

บทคัดย่อ

โครงการ " โครงการเสริมสร้างความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลสามัคคี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส รหัสโครงการ 64-L2515-1-004 ระยะเวลาการดำเนินงาน 30 มิถุนายน 2564 - 31 ธันวาคม 2564 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 27,000.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล อบต.สามัคคี เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 0 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้

โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ

หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"

สารบัญ

ความเป็นมา/หลักการเหตุผล

มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ของโรคมะเร็งทั้งหมดของสตรีไทย รองจากมะเร็งเต้านม ปัจจุบันในประเทศไทยแต่ละปีจะพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ประมาณ 10,000 ราย และเสียชีวิตจากการเป็นมะเร็งปากมดลูก 5,000 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมาพบแพทย์ เมื่อระยะของโรคมะเร็งนั้นได้เข้าสู่ในระยะลุกลามแล้ว การรักษาจึงเป็นไปได้ยาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคมและครอบครัวตามมาอย่างมากมาย แต่จะสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าพบผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะเริ่มแรก  ร้อยละ 30 – 40 สามารถป้องกันได้ด้วยการลดพฤติกรรมเสี่ยง  และหากได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งตั้งแต่ระยะแรก จะสามารถป้องกันและได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ดังนั้น ถ้าสามารถกระตุ้นให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ได้มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคดังกล่าว พร้อมทั้งตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการตรวจค้นหาโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกก็จะทำให้อัตราการเกิดโรค อัตราการป่วยและอัตราการตายจากโรคมะเร็งลดลง
จากการดำเนินงานตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมะนัง  ปันยัง ปีพ.ศ.2563 จำนวน ๔๒ ราย จากจำนวนกลุ่มเป้าหมายสตรีอายุ 30- 60 ปีทั้งหมด ๕๓๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๗.๘๑ ในปีงบประมาณ 2564 กำหนดให้คัดกรองมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเป้าหมาย ร้อยละ 40 ดังนั้นทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมะนังปันยัง ได้เล็งเห็นความสำคัญในการป้องกันมากกว่าการรักษาโรค โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองค้นหาโรคระยะแรกในสตรีกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถลดอัตราอุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูกรายใหม่ได้ ดังนั้นจึงได้จัดทำโครงการรณรงค์คัดกรองมะเร็งปากมดลูกประจำปี 2564 ขึ้น โดยการให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคมะเร็งปากมดลูกและตรวจคัดกรองหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกโดยวิธี Papsmear ในการตรวจนั้นจำเป็นต้องใช้ผ้าสะอาดเปลี่ยนขณะตรวจเพื่อลดการปนเปื้อนและการติดเชื้อขณะทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก การตรวจนั้นเพื่อค้นหาผู้ที่มีความผิดปกติของ เซลล์มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น เมื่อพบความผิดปกติในระยะเริ่มแรกก็สามารถส่งต่อพบแพทย์รักษาให้หาย ลดอัตราการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกได้

สถานการณ์

วัตถุประสงค์โครงการ

1. 1.เพื่อรณรงค์คัดกรองตรวจโรคมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มสตรีอายุ ๓๐-๖๐ ปี 2.เพื่อลดอัตราการป่วยและการตายของโรคมะเร็งปากมดลูก

กิจกรรม/การดำเนินงาน

1. อบรมให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก

กลุ่มเป้าหมาย

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1. กลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้ที่ถูกต้องและได้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกร้อยละ ๔๐
2. อัตราการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกลดลง

ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน

* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น